ลาบานูน ความสุข และการกลับมา
“ตอนนั้นผมขับรถไปสอนที่มหาวิทยาลัย แล้วเปิดวิทยุฟังเพลง แล้วบังเอิญว่ามีเด็กคนหนึ่งโทรมาขอเพลงลาบานูน และถามว่าลาบานูนหายไปไหน อยากฟังเพลงใหม่ของลาบานูน ทำให้รู้ว่ายังมีคนต้องการฟังเพลงใหม่ของเราอยู่ ถ้าเรากลับมาอีกครั้งในพ.ศ. นี้ จะยังมีคนอยากฟังเพลงเราอยู่ไหม” คำบอกเล่าจากปากนักร้องนำของวงลาบานูน ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้พวกเขากลับมาออกอัลบั้มอีกครั้งในรอบกว่าสิบปี
หากใครเป็นแฟนเพลงร็อกไทยในยุคราวๆ ปี 2000 รายชื่อเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ต้องมีเพลง ‘ยาม’, ‘191’, ‘คนตัวดำ’, ‘ใจง่าย’, ‘แฟนเก่า’, ‘ฝันหวาน’ และอีกหลายบทเพลง กับเสียงร้องเอื้อนและเสียงกีตาร์ เบส กลอง 3 ชิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ ในชื่อ ลาบานูน
อุทยานการเรียนรู้ TK park ได้จัดกิจกรรม TK Music Ed. 2016: เอกลักษณ์ทางดนตรีแบบลาบานูน ร่วมพูดคุยกับสมาชิกในวงอย่าง เมธี อรุณ (ร้องนำ, กีตาร์), อนันต์ สะมัน (เบส) และสมาชิกใหม่ ณัฐนนท์ ทองอ่อน (กลอง) ถึงการกลับมาออกอัลบั้มอีกครั้งให้แฟนๆ หายคิดถึง และเส้นทางดนตรีของวงดนตรีที่ยังคงยึดมั่นแนวดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“ผมออกอัลบั้มแรกตอนอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี อยู่ ม.6 ประกวดฮอตเวฟ แล้วก็ได้ทำเพลงออกอัลบั้มเลย พอออกอัลบั้มแรกก็อยู่กับการทัวร์คอนเสิร์ต เที่ยงคืนคนอื่นเขาหลับ แต่เราเล่นคอนเสิร์ต อาชีพนี้เหมือนน้ำขึ้นให้รีบตัก รีบกอบโกย เหลือเชื่อว่าสิบกว่าปีเราจะอยู่ด้านนี้มาตลอด” เมธีเล่าย้อนอดีตถึงจุดเริ่มต้นการเป็นศิลปินอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย
ลาบานูนเข้าร่วมประกวดในโครงการฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ ก่อนจะผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ จากค่ายมิวสิกบักส์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินจึงชักชวนพวกเขามาออกอัลบั้ม ลาบานูนมีผลงานอัลบั้มเพลงทั้งหมด 7 อัลบั้ม ได้แก่ นมสด (2541), 191 (2542), คนตัวดำ (2545), Clear (2546), สยามเซ็นเตอร์ (2548), 24 ชั่วโมง (2549) และ Keep Rocking (2555) ตลอดเวลาสิบกว่าปีในวงการเพลงของพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดที่มีเพลงฮิตครองใจวัยรุ่น ติดชาร์ตทุกคลื่นวิทยุ และสร้างยอดขายเทปได้กว่าล้านตลับ ก่อนที่ความนิยมของวงจะลดลงไปตามกาลเวลา
“ผมอยู่ลาบานูนตั้งแต่มัธยมปลาย ชีวิตปกติเด็กมัธยมเรียนเสร็จก็ไปเที่ยว แต่เราเรียนเสร็จก็ต้องไปทำงานเลย ทำให้ช่วงชีวิตวัยรุ่นหายไปนิดหนึ่ง” อนันต์เผยถึงความรู้สึกช่วงเวลาหนึ่งของการเป็นศิลปิน ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจพักวงที่เดินทางมากว่าสิบปี เพื่อออกไปทำงานประจำตามที่ร่ำเรียนมา “คืออยากหยุดไปทำอย่างอื่น ไปรับราชการ ดูแลสวน ไปขายก๋วยเตี๋ยว ชีวิตคนเราต้องเจอช่วงที่อ่อนแอที่สุดในชีวิต เป็นช่วงที่เราอยากหาอะไรใหม่ๆ อยากทำงานในสิ่งที่คนอื่นเขาทำกัน ตื่นมาอยากไปตอกบัตรเข้างาน อยากรู้ว่าชีวิตปกติของแต่คนละเป็นแบบไหน” นักร้องนำขยายความถึงเหตุผลในการพักวง
ตามที่กล่าวไปข้างต้น เพียงแค่เสียงของเด็กคนหนึ่งที่โทรมาขอเพลงลาบานูน ทำให้เมธีตัดสินใจหวนกลับสู่เส้นทางดนตรีอีกครั้ง “เราหายหน้าไปประมาณแปดเก้าปีที่ไม่ได้ออกอัลบั้มเป็นเรื่องเป็นราว ตอนนั้นคิดว่าคงไม่ได้กลับมาร้องเพลงแล้ว ผมก็เลยเอ็มเอสเอ็นไปหาอนันต์ว่า ถ้าเราจะกลับมาฟอร์มวงใหม่อีกครั้งหนึ่ง นายว่าไง อนันต์ก็ตอบกลับมาเลยว่า แล้วแต่เฮียเลย เฮียว่าไงอนันต์ก็ว่างั้น ก็เลยบอกโอเคถ้าตัดสินใจทำก็ต้องลาออกจากงานประจำนะ”
แน่นอนว่าอนันต์ยอมลาออกจากงานประจำเพื่อมารวมวงลาบานูนใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ มือกลองอย่าง สมพร ยูโซ๊ะ ไม่ได้กลับมาด้วย เพราะเขาแยกตัวออกไปอยู่วงกะลาในขณะที่สมาชิกทั้งสองทำงานประจำแล้ว “ช่วงที่เราตัดสินใจจะพัก พี่สมพรยังอยากตีกลองอยู่ แล้ว หนุ่ม วงกะลา กำลังฟอร์มวงใหม่ เขาเลยชวนพี่สมพรไปร่วมวง แต่พอเราจะกลับมา วงกะลาก็มีงานอยู่แล้ว และเราก็ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย ก็เลยตัดสินใจเอามือกลองคนใหม่มาแทน” เมธีหมายถึงสมาชิกใหม่อย่าง ณัฐนนท์ ทองอ่อน อดีตมือกลองวง Oblivious “จริงๆ ผมกับพี่เมธีเคยอยู่ค่ายเดียวกัน สนิทสนมกันอยู่แล้ว ตอนที่พี่เมธีโทรมาชวนตอนนั้นผมก็เล่นดนตรีกลางคืนอยู่ เราเคยประทับใจวงลาบานูน เคยแกะเพลงมาเล่น แล้วเขาให้โอกาสเรามาอยู่ ณ ตรงนี้ เรารู้สึกว่าต้องทำให้ได้ ก็เลยตอบตกลงพี่เขาเลย” ณัฐนนท์เผยความรู้สึกที่ได้เป็นส่วหนึ่งของลาบานูน
ลาบานูนกลับมาอีกครั้งในปี 2557 พร้อมกับย้ายมายังสังกัดใหม่อย่าง genie records ทยอยปล่อยซิงเกิลอย่าง ‘ศึกษานารี’, ‘พลังงานจน’, ‘เชือกวิเศษ’ และ ‘แพ้ทาง’ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง แม้จะไม่ได้วัดกันด้วยยอดขายเทป แต่ยอดวิวมิวสิกวิดีโอในเว็บไซต์ยูทูบก็พุ่งสูงถึงหลักร้อยล้านวิวเลยทีเดียว
“ผมยังงงกับตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนปี 2541 เด็กตัวดำเตี้ยๆ อ้วนๆ ขายเทปได้ล้านตลับเลยเหรอ พอมาปี 2559 ‘เชือกวิเศษ’ ที่อยู่อันดับหนึ่งในยูทูบ 300 กว่าล้านวิว ‘แพ้ทาง’ 200 กว่าล้านวิว นี่คือเพลงเราเหรอ มีคนมาถามว่าเราทำได้ยังไง ผมก็ยังงงกับตัวเองว่าทำได้ยังไง”
หลังจากความสำเร็จของ 4 ซิงเกิลที่ปล่อยไป พวกเขาจึงปล่อยอัลบั้มเต็มในชื่อว่า ‘N.E.W.S.’ ที่หมายถึงแฟนเพลงจากทั่วประเทศ “อัลบั้มชุดนี้ชื่อว่า ‘N.E.W.S.’ หรือเหนือใต้ออกตก เพราะทุกคนเข้าใจว่าลาบานูนคือภาคใต้ แต่ในความเป็นจริง เพราะคำว่าเพลงทำให้เราได้มาเจอกัน ทำให้ผมมีแฟนคลับอยู่ทุกภาค เลยหยิบตรงนี้มาตั้งชื่ออัลบั้ม” เมธีอธิบายความหมายของชื่ออัลบั้ม ก่อนจะกล่าวถึงความภูมิใจที่ได้ออกอัลบั้มเต็มในรูปแบบซีดี “เวลาเห็นซีดีแล้วน้ำตาไหล เพราะกว่าจะได้สักเพลงมันต้องใช้เวลาในการแต่ง ต้องส่งไปทำมาสเตอร์ที่นิวยอร์ก อยากให้ทุกคนเข้าใจว่ามีค่าทางจิตใจมากที่ได้ทำอัลบั้ม ในขณะที่คนอื่นเขาไม่ทำอัลบั้มกันแล้ว”
จากจุดเริ่มต้นของวงดนตรีเล็กๆ ที่มาจากการประกวด สู่การเป็นศิลปินอาชีพที่มีเพลงฮิตมากมาย มีแฟนคลับทั้งประเทศ ก่อนจะต้องพักวง แล้วกลับมาโด่งดังอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นได้ไม่ใช่แค่โชคชะตา แต่น่าจะเป็นผลมาจากความสุขของพวกเขา ยามที่ได้เล่นดนตรี
“เราเริ่มต้นมาจากวงเล็กๆ ไม่ได้อยู่ค่ายใหญ่ เป็นวงที่ดิ้นรนมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกตอนนี้คือตื่นเต้นดีใจ แต่ไม่ได้คิดว่าต้องสำเร็จ ทำเพลงแล้วสนุกและมีความสุขก็พอแล้ว เหมือนอัลบั้มแรกเราก็ไม่ได้หวังว่าจะสำเร็จ เราคิดว่าเราแต่งเพลงได้เพลงละหมื่นห้า สิบเพลงได้แสนห้า แค่นี้ก็โอเคแล้ว มันเป็นเรื่องของผลงาน ซึ่งเราไม่รู้ว่าคนจะชอบรึเปล่า ไม่ได้กดดันอะไร อาจจะถูกกำหนดมาแล้วก็ได้ว่าชีวิตพวกเราต้องเล่นดนตรี”
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย