หากจะลองสำรวจสมาชิกของวงดนตรีในวงการเพลงบ้านเรา วงดนตรีที่มีสมาชิกเป็นผู้ชายล้วนนั้มีมากกว่าวงดนตรีที่เป็นผู้หญิงล้วนอย่างเทียบกันไม่ติด และเมื่อใดที่วงดนตรีหญิงล้วนเกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา แสงไฟก็ย่อมสาดส่องไปที่พวกเธอเป็นพิเศษ
กิจกรรม TK park Music Ed. โดย อุทยานการเรียนรู้ TK park ได้มาถึงคิวของ Jelly Rocket วงดนตรีหญิงล้วนที่กำลังน่าจับตา มีสมาชิกเพียงแค่ 3 คน และทั้งหมดเป็นผู้หญิง ประกอบไปด้วย ปั้น - นลพรรณ อัมพุช (นักร้องนำ), ภัคธ - จุฑาภัคธ ตั้งไพบูลเวชกิจ (คีย์บอร์ด) และ โม - ชุติกาญจน์ อิสสระเสรี (กีตาร์) ด้วยเอกลักษณ์ของทั้งเสียงร้องและแนวเพลงที่แตกต่างจากเพลงทั่วไปในตลาด จึงส่งผลให้ซิงเกิลแรกอย่างเพลง ‘How Long’ ได้รับความนิยมในหมู่นักฟังเพลงทางเลือกอย่างมาก ล่าสุดพวกเธอได้เข้าร่วมกับ มาละมา (Malama) โปรเจกต์สนับสนุนกลุ่มคนดนตรีจาก Fungjai ซึ่งให้การสนับสนุนด้านเงินทุน แต่ศิลปินสามารถผลิตงานของตนเองได้อย่างอิสระ
เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี จนถึงตอนนี้ Jelly Rocket กลายเป็นวงดนตรีหญิงล้วนที่มีอัลบั้มเต็ม ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากในยุคสมัยนี้ และมีแฟนเพลงติดตามอย่างเหนียวแน่น แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ พวกเธอทั้งสามก็ต้องใช้ทั้งความพยายามและอดทนอย่างมากด้วยตนเองทั้งหมด
“ตอนนั้นต้องทำธีสิสเป็นโปรดักชันเพลงส่งอาจารย์ คือต้องอัดเอง มิกซ์เอง พอดีว่ามีเดโมจากภัคธมาอยู่แล้ว ก็เลยลองเรียบเรียงเองตามแบบที่เราสามคนชอบฟังกัน จนเกิดเป็นเพลง ‘How Long’ ขึ้นมาได้” โมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของวงที่เกิดขึ้นจากผลงานธีสิส แต่กลับกลายเป็นการรวมตัวกันของเพื่อนสนิท 3 คนจนเกิดเป็นเพลงแรกของวงขึ้นมา
“ตอนแรกที่เราทำวง วงเราไม่รู้จักใครเลย เลยลองส่งไปตามคลื่นวิทยุ ให้เพจต่างๆ ให้เพื่อนช่วยแชร์ ทำทุกอย่างให้คนรู้จักวงเรา เคยมีความคิดว่ายุคนั้นจะต้องประกวดดนตรี ต้องเข้าค่ายเพลงถึงจะมีคนรู้จักรึเปล่า แต่ในยุคนี้รู้สึกว่า ถ้าเราทำได้เองก็จะดีกว่า เพราะมีโซเชียลมีเดียแล้ว พยายามสู้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่แรก” โมเล่าถึงเส้นทางของวงหลังจากที่ได้เพลงแรกมาแล้ว ซึ่งก็นับเป็นโชคดีที่พวกเธออยู่ในยุคสมัยที่มีโซเชียลมีเดีย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องดิ้นรนในช่วงแรกไม่ต่างจากสมัยก่อนนัก
“เราชอบฟังเพลงอิเล็กโทรนิกส์ร็อก ชอบวง The Naked and Famous แต่จริงๆ ปั้นชอบแนวฮิปฮอป อาร์แอนด์บี” ภัคธเริ่มต้นเล่าถึงความชอบแนวดนตรีที่ไม่เหมือนกัน “ยุคนั้นเพลงแนวนี้เพิ่งมา วงเพิ่งมาเล่นที่ไทยด้วย เลยเอามาคุยกับเพื่อนว่าชอบวงนี้ไหม แลกเปลี่ยนกันก่อน เพราะทุกคนในคณะดนตรีไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบฟังเพลงเหมือนกัน” โมช่วยเสริม
ปั้นได้นิยามแนวดนตรีของวงไว้ว่า “อย่างแนวที่ทำอยู่ก็ไม่รู้เรียกว่าเป็นแนวอะไร มันสะเปะสะปะ แต่ก็ออกมาเป็นแนวของ Jelly Rocket ตอนนั้นไม่ได้มีเป้าหมายว่าคนจะชอบไหม อยากให้ไอเดียของเรามันไปให้คนอื่นได้เห็นว่ามีแบบนี้เหมือนกัน” ประวัติของวงในเว็บไซต์ Fungjai ได้ระบุไว้ว่าเป็นแนว Electronic Rock, Dream Pop, New Wave เรียกได้ว่าหลากหลายแนว ซึ่งเป็นส่วนผสมของความชอบแต่ละคน จนออกมาเป็นแนวดนตรีในแบบ Jelly Rocket นั่นเอง
หากใครที่เป็นแฟนเพลงของ Jelly Rocket จะรู้กันเป็นอย่างดีว่าเนื้อเพลงส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความหม่นเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้องไทยหรืออังกฤษก็ตาม “ตอนแต่งเพลงเสร็จเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆ ออกไป รู้สึกเหมือนมันได้ผ่านไปแล้ว เป็นที่มาให้เพลงส่วนใหญ่ทุกข์ระทมเหลือเกิน เหมือน Music Therapy ดนตรีบำบัด” เจ้าของเนื้อเพลงอย่างภัคธอธิบายถึงที่มาของเนื้อหาของเพลง แต่ในอัลบั้ม Lucid Dream ก็มีเพลงสุดท้ายในอัลบั้มอย่าง ‘พักสักที’ ที่ภัคธเผยว่าเป็นเพลงที่ผ่อนคลายและมีความสุขที่สุดเหมือนชื่อเพลง
เป็นเรื่องปกติของวงดนตรีที่มีสมาชิกหลายคน ต้องมีปัญหาเรื่องความคิดเห็นภายในวงไม่ตรงกัน “เป็นปกติที่เรามีความเห็นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเราก็พยายามที่จะเอาทุกส่วนของทุกคนมารวมกัน จนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนชอบเหมือนกัน” ภัคธเผยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โมจึงขยายความต่อว่า “มันเป็นสิ่งที่เราตกตะกอนมาจากเพลงมากกว่า มีการแชร์ไอเดีย แชร์ความคิดกัน เวลาแต่งเพลงก็จะให้เกียรติกัน เรื่องแชร์ไอเดียก็เรื่องหนึ่ง เรื่องให้เกียรติกันก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีแก้ก็จะถามก่อนว่าจะทำยังไงให้ลงตัว” แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน สมาชิกทั้งสามคนก็หาทางออกได้ด้วยการพูดคุยกัน “ด้วยความเราเริ่มต้นมาพร้อมกัน เลยไม่ยากที่จะคุยกัน การได้เล่นคอนเสิร์ตทำให้รู้สึกปลดปล่อยร่วมกัน” ปั้นสรุป
วงการดนตรีบ้านเราส่วนใหญ่สมาชิกจะเป็นผู้ชายทั้งหมด การที่มีวงอย่าง Jelly Rocket ที่มีชื่อเสียงขึ้นมา จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ จนกลายเป็นแรงกดดันให้กับพวกเธอทั้งสามคน “เวลาผู้หญิงเล่นดนตรี คนอาจจะเพ่งเล็งมากกว่าวงผู้ชาย ทำให้รู้สึกกดดันนิดหน่อยเวลาได้ยินเสียงตอบรับ” โมเล่าความรู้สึก “เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดไป เวลาอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเราตั้งใจและพยายามเต็มที่ของเราแล้ว” ภัคธกล่าวด้วยความมั่นใจ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Jelly Rocket เป็นวงดนตรีเพียงไม่กี่วงในยุคนี้ที่สามารถออกอัลบั้มเต็มได้ ซึ่งนั่นเป็นผลจากการสั่งสมประสบการณ์อย่างหนักมากว่า 3 ปี จึงทำให้ในอนาคตพวกเธออยากจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใหม่ๆ “ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราทำอัลบั้มกันเองตั้งแต่เพลงแรก คือเราคิดเรื่องดนตรีมาตลอด ผ่านมาสองสามปีเราก็อยากพักเพื่อตกตะกอนอะไรใหม่ๆ มากขึ้น แล้วค่อยหาทิศทางต่อไป” โมเผยถึงทิศทางของแนวเพลงในเพลงต่อๆ ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกทุกคนกำลังทดลองและค้นหากันอยู่ เพื่อให้คนฟังได้เห็นความคิดใหม่ๆ ของพวกเธอ
ด้วยอายุของสมาชิกทั้งสามคนเพิ่งจะแค่ยี่สิบต้นๆ แต่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอาชีพแล้ว พวกเธอจึงเป็นต้นแบบของนักดนตรีรุ่นใหม่ที่สามารถประสบความสำเร็จด้วยทักษะและความพยายามของตนเองล้วนๆ
“จริงๆ เราก็เพิ่งผ่านจุดที่ลำบากมาไม่นาน ถ้ามีความฝันอะไรก็อย่าพักมันไว้ ให้ทำตั้งแต่วันนี้ สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องมีคนเห็น เหมือนพวกเราสามคน ที่ต้องเจอความสำเร็จในทางของมัน” ปั้นให้กำลังใจถึงเพื่อนๆ ที่มีความฝันเหมือนกัน
ก่อนที่โมจะทิ้งท้ายถึงการค้นหาโอกาสว่า “ถ้าเกิดรู้ว่าเราชอบอะไร ให้พยายามคิดว่าทำอะไรได้บ้าง บางคนอาจจะรอโอกาส แต่เรามีความเชื่อว่าพึ่งตัวเองดีที่สุดแล้ว อยากให้หาโอกาสด้วยตัวเอง พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อน ไม่ต้องรอให้มีคนมาช่วยหรือมาคอยสนับสนุน เราอาจจะเหนื่อย แต่ถ้าเราทำได้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก”
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย