ไอดอล ความฝัน และสิ่งที่เป็นของ แคน BNK48
นิยามของคำว่า ‘ไอดอล’ คือแบบอย่างในการทำสิ่งที่ดี แต่เชื่อว่าหลังจากที่หลายคนได้รู้จักกับ BNK48 วงไอดอลกรุ๊ปที่กำลังโด่งดังอย่างมาก ณ เวลานี้ นิยามของคำว่าไอดอลก็อาจมีความหมายมากกว่านั้นเพราะไอดอลยังหมายถึงต้นแบบของความพยายามในการเป็นศิลปินที่ดี ทั้งในเรื่องของความสามารถด้านการร้องและเต้นบนเวที การวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต และที่สำคัญคือเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ
อุทยานการเรียนรู้ TK park เปิดพื้นที่เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากนักคิดหลากหลายสาขา ซึ่งในครั้งนี้มาในหัวข้อ “Yes I CAN… ไอดอล ความฝัน และสิ่งที่เป็น” โดยได้หนึ่งในสมาชิกของวง BNK48 อย่าง แคน - นายิกา ศรีเนียน มาร่วมแบ่งปันแนวคิดเพื่อส่งต่อเรื่องราวชีวิตการเป็นไอดอล รวมไปถึงอีกพาร์ตหนึ่งของชีวิตในการทำงานจิตอาสา ที่เป็นเหมือนสองสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน
ไอดอล…ฉันรักที่จะยืนอยู่ตรงนี้
“ไอดอลในมุมมองของแคนมีสองอย่างรวมกัน อย่างแรกคือ BNK48 เป็นภาพลักษณ์ของเด็กสาวที่ไม่ถึงกับเพอร์เฟกต์ แต่สามารถทำให้ใครหลายคนอยากจะส่งแรงเชียร์หรือเป็นกำลังใจให้เขาได้ แบบที่สองคือ ไอดอลที่หลายคนเข้าใจ คือเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งด้านการศึกษาและเป็นแบบอย่างของเยาวชน”
ทั้งสองสิ่งนี้คือนิยามของไอดอลที่แคนได้อธิบายไว้ ขณะเดียวกันในความเป็นไอดอลก็ยังมีต้นแบบของไอดอลที่แคนก็ยึดถือเป็นแบบอย่างเช่นเดียวกัน
“เราจะเอาแบบอย่างของแต่ละคนมาผสมกัน จะไม่ก็อปปี้เขามาหมด หรือแค่เอาความคิดทัศนคติของเขามาใช้ แคนชอบ เอ็มม่า วัตสัน เพราะเป็นผู้หญิงที่เรียนเก่ง ทัศนคติดี แคนชอบที่เขาออกมาแสดงถึงทัศนคติด้าน feminist หรือสิทธิสตรี รู้สึกว่าเป็นจุดที่เจ๋งและดีมาก”
โดยที่เธอเองก็พยายามที่จะทำให้ทั้งสองด้านของไอดอลให้ดีไปพร้อมๆ กัน ซึ่งความตั้งใจนี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากจะเป็นเช่นเดียวกับเธอบ้าง
ความฝัน…ต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา
“เวลาที่เราเติบโตขึ้นมาความฝันเราจะเปลี่ยนแปลงตลอด เหมือนตอนเด็กๆ แคนฝันว่าอยากเป็นสัตวแพทย์ แต่ด้วยอะไรหลายอย่างทำให้เราไม่ได้เรียนด้านนั้น เลยไปหาความสนใจด้านอื่นแทน นั่นคืองานด้านจิตอาสา ซึ่งตอนนี้เราเป็นสมาชิกของ BNK48 ด้วยทำให้มีกระบอกเสียงอีกทางหนึ่ง แคนก็เลยคิดว่าทำไมไม่เอาสองอย่างนี้มารวมกัน” แคนเล่าถึงความฝันในวัยเด็ก ก่อนที่ความสนใจด้านจิตอาสาและสิ่งแวดล้อมจะเข้ามาเปลี่ยนความสนใจของเธอไป
“ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นมัธยม คุณพ่อมารับที่โรงเรียนแล้วบอกว่า จะพาไปธุระที่ที่หนึ่ง ซึ่งพ่อเป็นจิตอาสาที่ช่วยเหลือครอบครัวที่ขาดเสาหลักของบ้านอยู่แล้ว เขาก็พาไปย่านหนึ่งแถวดินแดง ที่นั่นเป็นเหมือนช่องๆ หนึ่งที่ไม่มีประตูปิด มีที่นอน มีหมอน มีทีวีเครื่องเล็กๆ และมีแม่ลูกสองคนอาศัยอยู่ แคนก็ตกใจว่ามีบ้านแบบนี้ด้วยเหรอ น้องเขาก็นั่งมองหน้าอยากให้พาออกไปข้างนอก แคนก็พาน้องออกไปเดินเล่น ตอนที่เดินกลับก็เดินผ่านร้านขายของเล่นร้านหนึ่ง แต่สิ่งที่น้องขอไม่ใช่ของเล่นแพงๆ แต่ขอกังหันพลาสติกเล็กๆ อันละแค่ห้าบาท พอกลับมาก็โทรไปเล่าให้เพื่อนฟัง แต่ระหว่างที่เล่าเรากลับรู้สึกดีมากๆ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากทำอะไรเพื่อผู้อื่น”
จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจงานด้านจิตอาสามาจากพ่อที่ปลูกผังให้แคนได้ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเข้าเรียนในคณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากที่บ้านทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว และกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยนั้นเองก็ทำให้เธอได้พบกับโลกของการทำงานด้านจิตอาสาอย่างจริงจัง
“หลังจากนั้นก็ติดใจการทำเพื่อคนอื่นๆ ก็เลยไปสมัครชมรมอาสาของมหาวิทยาลัย สิ่งแรกที่ทำคือไปยืนถือกล่องบริจาคทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย คือตั้งใจอยากทำให้ผู้อื่นบ้าง นอกเหนือจากการไปถือกล่อง ก็ไปเข้าค่ายพัฒนาโรงเรียน ที่มีทั้งการก่อสร้างโรงเรียนและสอนหนังสือ แคนได้ถามน้องๆ ว่า อยากไปเรียนต่อที่ไหน น้องหลายคนบอกว่า ผมไม่เรียนแล้ว เพราะพ่อไม่ให้เรียน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก ตกเย็นเราก็มาคุยกันกับเพื่อนๆ ว่าอุตส่าห์มาทำค่ายให้ แล้วเด็กๆ เขาจะได้อะไรจากนี้บ้าง
“มีประโยคหนึ่งที่พี่ที่ค่ายพูดไว้ มันเปลี่ยนความคิดและเป็นกำลังใจให้แคนจนถึงทุกวันนี้ก็คือ ‘เราเปลี่ยนเขาไม่ได้ แต่สิ่งที่เราให้เขาได้ ก็คือการสร้างแรงบันดาลใจให้เขาอยากเป็นตัวของเขาเอง’ ประโยคนี้ทำให้รู้สึกว่าเราได้อะไรจากการไปค่ายมากๆ เพราะสามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้ทั้งหมด”
แม้ว่างานด้านจิตอาสาจะไม่ใช่งานที่ง่ายสำหรับแคน แต่ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากการช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับโอกาสดีๆ งานจิตอาสาจึงเป็นเหมือนความฝันที่แคนอยากจะทำให้สำเร็จต่อไป
สิ่งที่เป็น…เพราะรักจริงใช่ไหมจงอย่าลืมมัน
ถึงงานจิตอาสาจะเป็นงานที่แคนรักและชอบอย่างไร แต่การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ BNK48 ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันของเธอเช่นกัน ด้วยหน้าที่ที่หนักทำให้เธอเริ่มมีปัญหากับการแบ่งเวลาชีวิต
“พอแคนติด BNK48 สักพัก ทำให้เริ่มไม่มีเวลาไปทำงานจิตอาสาแล้ว แคนยอมรับว่ามันหายไป เพราะต้องทำงาน แต่คิดว่าสุดท้ายถ้าเราชอบมัน ยังไงก็ต้องกลับมาทำอยู่ดี มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาทำแล้วเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องมองนาฬิกาเลย พอเราหาจุดที่เราลงตัวระหว่าง BNK48 กับสิ่งที่เราชอบทำได้ เราก็กลับไปทำเหมือนเดิม กลับไปสอนหนังสือบ้าง พาน้องไปเที่ยว จัดค่ายบ้าง”
ด้วยความที่ยังเป็นสิ่งที่แคนยังรักและพยายามอยู่ทั้งสองอย่าง จึงทำให้เธอสามารถจัดการทุกอย่างให้ลงตัวได้ในที่สุด
“ความฝันของแคนคืออยากจะเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นความฝันของแคนแล้ว คนเรามีความฝันได้หลายอย่าง อยู่ที่เราจะทำความฝันหลายอย่างนั้นได้สำเร็จรึเปล่า มีโควทหนึ่งของ Elizabeth Andrew ที่อยากจะบอกคือ Volunteers do not necessarily have the time; they just have the heart. การทำงานจิตอาสา เวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สำคัญที่ใจมากกว่า”
วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย