เที่ยวเป็น เป็นงาน ของบอล-ยอด จากหนังพาไป
และ มิ้นท์-มณฑล กสานติกุล จากเพจ I Roam Alone
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เที่ยวรอบโลก เป็นความฝันของใครหลายคน แต่ก็อีกนั่นแหละมันมีหลายปัจจัยที่จะทำให้ทุกคนไปถึง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเหมือนกันว่าเราสามารถทำให้งานกับเที่ยวเป็นสิ่งเดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้ อุทยานการเรียนรู้ TK park จึงได้จัดกิจกรรม TK (S)park Learning Festival : เที่ยวเป็น เป็นงาน โดยมี บอล-ทายาท เดชเสถียร , ยอด-พิศาล แสงจันทร์ จากรายการหนังพาไป และ มิ้นท์-มณฑล กสานติกุล จากเพจ I Roam Alone มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางร่วมถึงการนำเรื่องราวเหล่านั้นมาผลิตเป็นคอนเทนต์ผ่านสื่อหลายช่องทาง
จุดเริ่มต้นการเดินทางจนเป็นงานของ บอล กับ ยอด จากหนังพาไปเกิดจาก หนุ่มนักศึกษา 2 คนแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คนหนึ่งเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมวัสดุ อีกคนคณะอุตสาหกรรมการเกษตร สาขาวิทยาศาสตร์การอาหาร แต่อยู่ในชมรมค่ายสร้างสรรค์เยาวชนเดียวกัน จุดที่ทำให้ทั้งคู่รู้จักกันและคิดผลิตภาพยนตร์สั้นของตัวเองขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ไปเมืองนอก ด้วยการส่งหนังสั้นของตัวเองไปประกวดยังเทศกาลหนังต่างๆ
ส่วน มิ้นท์-มณฑล หญิงสาวผู้กล้าออกไปเผชิญโลกใบเพียงคนเดียว (แต่ไม่ได้เดียวดายระหว่าง) จุดเริ่มต้นของเธอเริ่มจาก ความคิดที่อยากทำให้การเที่ยวเป็นงานได้ในขณะเดียวกัน ด้วยการเริ่มโปรเจกต์เขียนบล็อกท่องเที่ยวที่ต่างออกไปจากเพจทั่วๆ ไป โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ อยากให้ผู้หญิงได้เห็นภาพว่าการเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวมันเป็นอย่างไร ต้องระวังอะไรบ้าง เจออะไรบ้าง แล้วการเดินทางนั่นจะให้แง่คิดอะไรกับเราไว้บ้าง จึงเกิดเป็นเพจ I Roam Alone เพจที่แบ่งปันประสบการณ์ของผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว จนโดดดังมีคนติดตามจำนวนมาก
จนถึงทุกวันนี้พวกเขามีงานจากการเดินทาง ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขามีความสุข และนี่คือเรื่องราวของพวกเขาและเธอที่ทำงานให้เหมือนเที่ยว ไปเที่ยวจนสร้างงาน
เที่ยวแบบไม่รู้ หรือเที่ยวแบบรู้อย่างละเอียดอันไหนสนุกกว่ากัน
มิ้นท์- “เราควรมีแบล็คกราวคร่าวๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะต้องไปทำอะไรบ้าง เวลามิ้นท์วางแผนไม่ได้ว่า 8 โมงเช้าจะทำอะไร 9 โมงจะไปไหน แต่จะวางว่าประเทศที่เราอยากไปมีอะไรบ้าง กิจกรรมอะไรที่เราอยากทำ ซึ่งเหล่านี้มันควรทำการบ้าน แล้วมิ้นท์ก็ค้นพบว่ายิ่งเรารู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้การเดินทางเข้มข้นขึ้น คือสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ มีเรื่องราวรอให้เราค้นพบ เพราะฉะนั้นเราเสียเงิน เสียเวลาไปแล้ว เราควรทำการบ้านไปด้วย”
ยอด- “ของเราแบ่งเป็น 2 ช่วง แรกๆ เรารู้สึกไม่ได้อยากรู้อะไรลึกมากหรอก คือรายการท่องเที่ยวอื่นก็มีอยู่แล้ว หนังสือก็มีแล้ว เราแค่อยากไปเห็นว่าตรงนี้มันสวยจริงหรือเปล่า การเดินทางแรกๆ ของเราเลยจะเป็นแบบไปดูแล้วรู้สึกอย่างไรแล้วเอามาเล่าในรายการ แต่พอเริ่มแก่ตัวขึ้นบางอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไป มันเหมือนการขึ้นเครื่องบิน ครั้งแรกเราก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่เคยเห็น แต่บางได้ขึ้นเครื่องบินหลายๆ ครั้ง ไอ้ความรู้สึกแรกแบบวันนั้นมันก็เลยหายไปตามกาลเวลา แต่ในอีกทางหนึ่งเราก็ได้ตื่นเต้นกับเรื่องราวที่มันเชื่อมโยงลึกลงไป เช่นเชื่อมโยงไปถึงประวัติศาสตร์ คือบางทีเราแค่ทำตามที่เราอยากรู้ เรื่องไหนอยากรู้ก็ไปหาไปอ่าน แต่เรื่องไหนที่เราไม่อยากรู้ก็แค่ไปรู้สึกกับมันก็ได้”
บอล- “หนังพาไปเราทำการบ้านก่อนออกเดินทาง แล้วก็จับประเด็นตอนไปถ่าย คือเวลาเดินทางไปในที่ต่างๆ ถ้าเราไปโดยที่เราไม่รู้อะไรมากนัก แล้วไปรับรู้เอาที่นั้นจากมุมมองของคนที่อยู่ที่นั่น จากสิ่งที่เห็น จากสิ่งที่รู้สึก บางเรื่องที่รู้มา พอไปเจอจริง ก็ไม่ใช่แบบที่เรารู้มา และเราก็อดพูดไม่ได้ในรายการ(หัวเราะ)”
วิธีผลิตการเดินทางเป็นคอนเทนด์ผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆ
บอล- “สำหรับหนังพาไป เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพเป็นหลัก ถ้าไมได้ภาพก็ได้เสียง เพื่อมาอธิบายเป็นเรื่องราวได้ มีหลายครั้งที่เจอไม่สามารถเก็บภาพได้ ก็ต้องมีอัดเสียงไว้ก่อน แล้วตอนไปตัดต่อก็ค่อยหาวิธีเล่าให้คนดูเข้าใจว่าตอนนั้นบรรยากาศมันเป็นอย่างไร คือได้วัตถุดิบมาแล้วค่อยมาย่อยแต่ละอย่างให้ออกมาเป็นรายการ”
มิ้นท์ “มิ้นท์จะเน้นการเขียนเป็นหลัก วิธีการทำงานก็คือ เราจะไม่เขียนในทันที เราจะเก็บเป็นบทเรียนให้เรื่องมันตกตะกอน แล้วกลับมาเขียนสอดแทรกมุมมองที่เราคิด รู้สึก คือ I Roam Alone คือต้องมอบความรู้สึกที่ดี มอบเรื่องราวจากสิ่งเราเจอ ส่วนวิธีบันทึกรายละเอียดรายทาง มิ้นท์จะจดตลอด แต่ใช้มือถือจด เพราะกระดาษบางทีอาจเจอฝนมันก็เปียก มิ้นท์จะจดในมือถือ ถ่ายรูป โน้ตความรู้สึกเอาไว้ เพื่อเก็บไว้เล่าเป็นตัวหนังสือให้ความรู้สึกมันอยู่ครบ”
ยอด- “ถ้าถามว่าหนังพาไปสแกนเนื้อหาอย่างไร คือต้องบอกก่อนว่าอย่างเราทำรายการโทรทัศน์ ซึ่งเขามีระบบเซ็นเซอร์ของเขาอยู่แล้ว แต่เราก็โชคดีที่อยู่ไทยพีบีเอส คือเขาเป็นช่องที่ไม่มีโฆษณา เพราะฉะนั้นเราอยากเล่าอะไรก็เล่าไปเลย อยากพูดอยากสื่ออะไรก็ได้ เพราะถ้ามีโฆษณามันจะมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่มาบีบเรื่องที่เราเล่า แต่สิ่งที่เล่าก็ต้องคำนึงถึงระบบเซ็นเซอร์ด้วย เช่นบางประเด็นเล่าได้ไหม หรือเล่าแล้วมันเบาไปไหม เช่นเรื่องนี้ด่าเขาใช่ไหม ก็ต้องไปหาข้อมูลมาเสริมให้มันหนักแน่นขึ้น ไม่ใช่ด่าเฉยๆ”
บอล- “ปกติเราคัดเลือกเนื้อหาจากสิ่งที่ตัวเองสนใจก่อน เพราะถ้าเราไม่สนุกหรือรู้สึกกับเรื่องนี้ก็จะเล่าออกมาได้ไม่ดี”
ความแตกต่างระหว่างท่องเที่ยวธรรมดากับเที่ยวให้เป็นงาน
มิ้นท์- “ความต่างก็คือเที่ยวเป็นงานได้เงิน (หัวเราะ) มีสปอนเซอร์ต่างๆ แต่เอาจริงๆ พอมันเริ่มเป็นงานมากขึ้น มันทำให้เราเห็นความพังทลายของการท่องเที่ยว มันทำให้เรารู้เยอะขึ้น ได้เห็นอีกมุมของการเดินทางที่มันไม่สวยเหมือนเดิม คือพอเรารู้ลึกขึ้น สุนทรีย์ภาพในการเดินทางก็อาจเปลี่ยนไป”
ปรับตัวอย่างไรท่ามกลางกระแสเพจท่องเที่ยวและรายการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในยุคนี้
ยอด- “ก็ไม่ได้ปรับอะไร(หัวเราะ) คือทุกวันนี้มันง่ายมากในการทำรายการหรือเพจท่องเที่ยว ซึ่งเราก็ได้คุยกับคนทำรายการทีวี แล้วเราก็พูดกันว่าทิศทางตอนนี้เหมือนหมอกควันมาก ทุกคนก็ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรจะเป็นสื่อหลักกันแน่ เพราะคนทุกวันนี้ทำเองได้หมด ซึ่งเกิดขึ้นเยอะมากเพื่อมาแย่งลูกตาของเรา แล้วมันจะมาในรูปแบบสั้นๆ ต้องสะกดคนดูให้ได้ เรียกยอดวิวให้ได้ อย่างเราคิดว่า หนังพาไป 30 นาที มันสั้นแล้วนะ แต่สมัยนนี้มันยาวนะ ผมก็เลยรู้สึกว่าการปรับตัวต้องดูไปอีกนานๆ สิ่งที่ยังยึดได้คือ เราเป็นคนแบบไหน อยากเล่าเรื่องอะไร สนุกกับอะไร”
บอล- “คิดเหมือนพี่ยอดว่า คอนเท้นต์ทีเป็นตัวเรามันจะยั่งยืน จะสังเกตได้ว่า สื่อเล็กๆ เกิดขึ้นเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องลึกๆ เรื่องเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ที่ไม่ต้องดูผ่านทีวี เพราะฉะนั้นคิดว่าถ้าเราเสนอเรื่องที่ตัวเองลุ่มหลง เป็นตัวเอง เชี่ยวชาญกับเรื่องราวนั้นจริงๆ ก็จะมีคนติดตาม มันเหมือนคนที่เขาลุ่มหลงกับสิ่งๆ หนึ่งมากๆ และรู้จริง คนแบบนี้มักมีเสน่ห์”
มิ้นท์- “มิ้นท์เห็นด้วยว่าต้องเป็นตัวของตัวเอง เราจะสังเกตได้พวกเพจท่องเที่ยวที่ซื้อยอดไลท์หรืออะไร คนพวกนั้นจะไม่ได้อยู่กับเราจริงๆ เพราะเขาไม่ได้สนใจในตัวเรา แค่สนใจเรื่องบางเรื่อง แต่คนที่เขาจะตามเราจริงๆ เขาตามที่ตัวตนของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเพจเราตัวตนชัด คอนเท้นด์ยังแน่นอยู่ มันก็จะอยู่ต่อได้ไป แต่อาจจะมีปรับในรูปแบบการนำเสนอบ้างเท่านั้น เช่นคนยุคนี้จะชอบดูวีดีโอ เราก็พยายามหัดถ่ายวิดีโอมากขึ้น แต่ตัวเราก็ยังเหมือนเดิม”
ท่องเที่ยวให้เป็นงานเป็นเงินได้อย่างไร
บอล- “มันมีช่องทางหลายอย่าง อย่างเช่น คนที่ไปเที่ยวแล้วชอบถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ แล้วพวกนี้นำไปขายได้ เช่นในชัตเตอร์สต๊อก บางทีได้เงินมากกว่าที่ใช่ท่องเที่ยวอีก หรือใครถ่ายวิดีโอได้ ก็ลองถ่ายเก็บๆ ไว้ก็ได้ ถ่ายคน ถ่ายวัด ถ่ายอาหาร เพราะบางทีพวกวงการโฆษณาหรือหนังเขาก็จะซื้อฟุตเทจไปใช้ในงาน”
ยอด- “จะทำให้เป็นงานได้ ขอให้มีความคิดสร้างสรรค์เยอะๆ ดูงานของคนอื่นเยอะๆ ดูว่าถ้าเกิดเป็นเราจะทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องดูแต่พวกบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวก็ได้นะ จริงๆ ดูอย่างอื่นไปด้วยก็ได้ ดูให้เยอะๆ รับข้อมูลอะไรที่เป็นงานแปลกๆ เพื่อมาพัฒนางานตัวเอง”
มิ้นท์- “ถ้าไม่อยากเป็นบล็อกหรือทำรายการ มันก็มี WWOOF ทำงานแลกที่พัก เพื่อได้เที่ยวไปในตัว สำหรับคนที่เงินน้อยแต่เวลาเยอะ หรือหาเอกลักษณ์ของตัวเองให้เจอ อย่างเราก็คือผู้หญิงเที่ยวคนเดียว หรือบางคนเที่ยวแต่ถ่ายรูปแต่ด้านหลัง คือต้องหาเป้าหมายให้ได้ แล้วก็อย่าไปแตกออกจากมัน จากนั้นก็ทำ ออกไปเดินทางแล้วย้อนกลับมาที่เป้าหมายเราตลอดว่าเริ่มต้นมาแบบไหนแค่นั้นเอง”