เด็กวัยเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น (ช่วงอายุ 7–15 ปี) มีการเจริญเติบโตทางร่างกาย การเรียนรู้ และจิตใจอย่างรวดเร็ว พัฒนาการในวัยนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการกำหนดอนาคต ความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสร้างเด็กที่กินเก่ง ซึ่งหมายถึงเด็กที่ฉลาดเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ครบ 5 หมู่ และได้รับสารอาหารครบถ้วน
TK Park ใช้ข้อมูลและแรงบันดาลใจจากหนังสือนิทานภาพในห้องเด็ก เพื่อสร้างสรรค์นิทรรศการ Le petit chef และใช้ตัวอย่างเมนู เช่น ข้าวผัดไข่ จากนิทาน “หนูดี กินอาหารครบ 5 หมู่” ผัดกะเพราหมูสับ จาก “ข้าวสวย ข้าวต้ม พี่น้องทำได้” ไข่ตุ๋นกุ้ง จาก “ไข่มีคุณค่า” และซุปใสผักรวม จาก “ปุ๊กจัง หม่ำหม่ำกันเถอะ” และชวนเด็ก ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมไปพร้อม ๆ กับ ตุ๊ต๊ะ กินอะไรดีนะ เพื่อสุขภาพที่ดีตามหลักโภชนาการปฐมวัย
พบกับหนังสือทั้ง 5 เล่มได้ที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park
- ตุ๊ต๊ะ กินอะไรดีนะ↗
- หนูดี กินอาหารครบ 5 หมู่↗
- ข้าวสวย ข้าวต้ม พี่น้องทำได้↗
- ไข่มีคุณค่า↗
- ปุ๊กจัง หม่ำหม่ำกันเถอะ↗
เช่นเดียวกัน พ่อแม่และผู้ปกครองสามารถใช้เรื่องเล่าในนิทานเป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาที่พบบ่อย เช่น เด็กเลือกกินอาหารที่ไม่เหมาะสมและกินไม่ครบ 5 หมู่ การเลือกกินขนมขบเคี้ยวมากกว่าอาหารมื้อหลัก การดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลมในปริมาณที่มาก ไม่ชอบดื่มนมหรือดื่มนมน้อยกว่าสัปดาห์ละ 2 แก้ว เป็นต้น ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการขาดสารอาหารต่าง ๆ และยังมีส่วนให้เด็กได้รับพลังงานที่มากเกินความต้องการ ก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ในอนาคต เพื่อปลูกฝังหลักการดังนี้
1. ห้ามงดมื้อเช้า
มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวันและไม่ควรละเลย การงดมื้อเช้าอาจทำให้ขาดพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อสมองและกล้ามเนื้อ ส่งผลให้การเรียนรู้ช้าลงและความสามารถในการจดจ่อลดลง นอกจากนี้ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้เด็กเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น
2. กินมื้ออาหารหลักให้ถูกสัดส่วน
สำคัญที่เด็กจะต้องกินอาหารที่สมดุล รวมทุกกลุ่มอาหารหลัก เนื่องจากแต่ละกลุ่มให้อาหารสารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่างกัน
-
กลุ่มข้าว–แป้ง ควรเลือกธัญพืชที่ไม่ขัดสี เนื่องจากมีกากใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย
-
กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็นแหล่งโปรตีนและธาตุเหล็ก ช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ควรเลือกกินเนื้อสัตว์ไม่ติดมันและไข่ เพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นและ DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ช่วยเสริมระบบประสาทและสมอง
-
กลุ่มผัก ควรกินผักหลากหลายสี เนื่องจากมีสารไฟโตรนิวเทรียนต์ต่าง ๆ ที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระและช่วยในการขับถ่าย
-
กลุ่มผลไม้ ควรกินผลไม้อย่างน้อย 1 ส่วนในแต่ละมื้อ เพื่อเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุให้กับร่างกาย
-
กลุ่มนมและผลิตภัณฑ์จากนม ควรดื่มนมอย่างน้อย 3 แก้วต่อวัน เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
3. เพิ่มมื้อว่างระหว่างวัน
สำหรับเด็กที่กินยากหรือกินน้อย การเพิ่มมื้อว่างช่วยเสริมโภชนาการที่อาจขาดหายจากมื้อหลัก แนะนำให้มีอาหารว่างวันละ 2 มื้อ เพื่อเสริมพลังงานและสารอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
4. เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุให้เติบโตสมวัย
เด็กควรได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญอย่างเพียงพอ เช่น
ธาตุเหล็ก กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ เลือด หรือเนื้อสัตว์ปริมาณเพียงพอ เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
แคลเซียม กินอาหารที่มีแคลเซียมทุกวัน เช่น เนยแข็ง เต้าหู้ นมรสจืด และควรเลือกนมที่เสริมแคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินดี เพื่อให้ได้รับโภชนาการครบถ้วนดีต่อกระดูกและฟัน
สังกะสี สำคัญต่อการทำงานของโปรตีน หากขาดสังกะสีอาจทำให้การเจริญเติบโตชะงัก
อ้างอิง [1], [2], [3], [4], [5]