พ้นวิกฤตช่วงโควิด 19 ก็ถึงเวลาฟื้นธุรกิจขึ้นมาอีกครั้ง หลายๆ คนดองโปรเจกต์ไว้มากมายช่วงพักยาวก็ได้เวลาเอาไปเสนอขายลูกค้า หรือน้องๆ นักศึกษาที่ได้กลับเข้ามาห้องเรียนอีกครั้ง ก็ได้เวลาที่เราจะกลายเป็นดาวเด่นคนดังจากการนำเสนอผลงานที่เป๊ะปังโดนใจ วันนี้ TK Park มี 4 เคล็ดลับที่จับมาจากหนังสือ 10 เล่ม เพื่อเป็นคู่มือสุดยอดนักเล่าเรื่องดาวเด่นของบริษัท จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
1. คิดให้เด่น เห็นเป็นภาพ
เคยสงสัยไหมว่าเวลาที่เราฟังไอเดียของนักคิด-นักพูดระดับโลก ทำไมไอเดียของพวกเขาช่างเป็นสิ่งที่น่าจดจำ นึกภาพตามได้ง่าย นั่นก็เพราะจุดตั้งต้นของไอเดียเหล่านั้นคือสิ่งที่เป็นจริงและเริ่มขึ้นจากการคิดด้วยภาพเป็นหลัก ดังเช่นที่หนังสือ Show and tell นำเสนอให้ “ปิ๊ง” เขียนโดย แดน โรม ผู้ก่อตั้งบริษัทดิจิทัล โรม ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ มากมาย ได้กล่าวถึงการนำเสนอ “ภาพที่จับต้องได้” โดยมีหลักสำคัญคือการให้ความสำคัญกับการใช้ความจริงเป็นฐานหลัก สร้างเป็นภาพร่วมกันระหว่างผู้นำเสนอและผู้ฟัง แล้วกระตุ้นให้จินตนาการของลูกค้าได้เติมต่อไอเดียจนเสมือนว่าผู้ฟังต่างหากที่ “คิดเอง”
เช่นเดียวกับหนังสืออีกเล่มหนึ่งคือ พูดด้วยภาพพรีเซนต์อย่างไรให้ถูกใจคนฟัง เขียนโดย BetterPitch นามปากกาของแพทย์หญิงสุธาพร ล้ำเลิศสกุล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ “ภาพ” ในการถ่ายทอดเรื่องราวยากๆ ให้เข้าใจง่าย เรื่องเด่นๆ ในเล่มคือการปรับแต่งภาพให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่เราต้องการนำเสนอ เช่น เลือก “สีเจ็บ” และ “สีจืด” มาผสานกันในสไลด์อย่างไรให้ดึงดูดใจ หลักการวางข้อความแบบ F Pattern และ Z Pattern การทำอินโฟกราฟฟิกด้วยหลัก 4W2H ของญี่ปุ่น เป็นต้น และที่พิเศษกว่านั้นคือท้ายเล่มมีแจกเว็บไซต์ให้โหลดไอคอน รูปอินโฟกราฟฟิกสวยๆ รวมทั้งบทพูดภาษาอังกฤษในการนำเสนออย่างเป็นทางการ คุณหมอก็เรียบเรียงมาไว้ให้ไปใช้ฟรีๆ เลยจ้า
เมื่อคิดไอเดียครบจนจบแล้ว ก็อย่าลืมสรุปรวบยอดให้อยู่ในกระดาษหนึ่งแผ่น ดังที่หนังสือ เปลี่ยนยากเป็นง่าย ด้วยการคิดบนกระดาษ 1 ใบ ที่คนญี่ปุ่นใช้ ผลงานของ ศุภวิทย์ ภาษิตนิรันดร์ และวิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ หรือ เซ็นเซเล็ก และ เซ็นเซแป๊ะ ผู้คร่ำหวอดในวงการรถยนต์โตโยต้ามากว่าสิบปี ได้เรียบเรียงเคล็ด (ไม่) ลับจาก Taiichi Ohno บิดาแห่งระบบการผลิตของโตโยต้าที่กล่าวว่า “อย่าทำเอกสารเน้นปริมาณกระดาษหรือจำนวนที่เยอะจนตายก็อ่านไม่หมด” ด้วยการสรุปความคิดรวบยอดทั้งหมดของงานให้อยู่ในกระดาษแผ่นเดียว เพียงทำตามกระบวนการหลัก 3 ข้อ ได้แก่ “เห็นภาพใหญ่” “ใส่กรอบครอบหัวข้อ” และ “ร้องอ๋อใน 3 วิ” เซ็นเซทั้งสองได้กล่าวถึงความสำคัญของกระดาษใบเดียวว่าเป็นการทบทวนความเข้าใจของผู้นำเสนอได้ดีที่สุด และอย่าลืมว่าเวลาของผู้ฟังคือสิ่งสำคัญที่สุด ผู้บริหารระดับโลกมีเวลาแค่ 90 วินาทีเท่านั้นในการฟังคุณพูด
2. เล่าเรื่องให้ดี มีต้น กลาง จบ
การบอกรายละเอียดสินค้าว่าผลิตจากอะไร เอาไว้ใช้ทำอะไร แบบนี้ใครๆ ก็เล่าได้ แต่การ “เล่าเรื่องราว” ต่างหากที่จะทำให้สินค้านั้น “มีชีวิต” ในใจผู้ฟัง พลังของเรื่องเล่าและความสำคัญของการเล่าเรื่อง ถูกบอกเล่าไว้ทั้งหมดแล้วใน ใครเล่าเรื่องเก่ง คนนั้นชนะ ผลงานของ แอนเนต ซิมมนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดที่ปลุกปั้นยอดนักสื่อสารในองค์กรชั้นนำของสหรัฐฯ มาแล้วมากมาย หลักสำคัญของการเล่าเรื่องที่จะมัดใจผู้ฟังคือ สื่อสารให้ตรงไปตรงมาถึง “ตัวตนของคุณ” และ “จุดประสงค์ที่แน่วแน่ของคุณ” ก่อนที่จะเล่าเรื่องให้เกี่ยวโยงถึง “ประสบการณ์ร่วม” กับผู้ฟัง และอย่าลืมใส่รูป-รส-สัมผัส ให้เรื่องเล่าตราตรึงซึ้งใจ ไม่ว่าลูกค้าหรือผู้ฟังเป็นใครก็ไม่อาจปฏิเสธคุณได้แล้ว
แต่หากการเล่าเรื่องยังยากเกินไปสำหรับคุณ อย่าลืมมองหาตัวช่วยดีๆ ในการสร้างเรื่องเล่าให้เนื้อหาของคุณอย่าง Presentation canvas เปลี่ยนการขายเป็นการเล่าเรื่องให้โดนใจ ผลงานของ สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม ผู้ก่อตั้ง Creative Talk Conference ซึ่งเรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์ทั้งเป็นผู้นำเสนอและเป็นผู้ฟังการนำเสนอในฐานะลูกค้า เขาได้สังเกตและวิเคราะห์งานนำเสนอรูปแบบต่างๆ จนกระทั่งคิดค้น guideline ชื่อว่า Presentation Canvas ในการแปลงเรื่องราวของสินค้าหรือเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอให้เป็น "เรื่องเล่า" ที่ทรงพลัง โดยมีส่วนประกอบสำคัญของ Canvas อยู่ 3 ส่วนคือ 1. The Keys หัวใจสำคัญของเรื่อง 2. Storyline เส้นเรื่อง และ 3. The supporters ข้อมูลสนับสนุนในเรื่อง หากใช้ Canvas เหล่านี้ได้คล่องมือ ก็ไม่ต้องกลัวการเล่าเรื่องอีกต่อไป
3. ทำให้ผู้ฟังตกหลุมรักในทุกไอเดีย
เคล็ดลับหนึ่งที่จะทำให้ผู้ฟังจดจำเรื่องของคุณได้คือ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกพิเศษกับไอเดียของคุณมากกว่าที่เคยฟังมาจากคนอื่น ๆ ซึ่งต้องใช้เทคนิคมากกว่าการคิดไอเดียดีๆ ขึ้นมาเสียอีก ทั้งหมดถูกเฉลยไว้ใน Pitching ideas ขายงานให้ได้งาน โดย เยอโรน ฟาน กีล ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการขายงานว่า ไม่ใช่แค่ให้ลูกค้าชอบ แต่ “การขายงานคือการทำให้คนตกหลุมรักไอเดียของคุณ” โดยต้องมีองค์ประกอบที่มากกว่าแค่ความคิด แต่รวมถึงความสัมพันธ์กับลูกค้า และจิตวิทยาการโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเชื่อถือ เกิดความรู้สึกว่าไอเดียที่นำเสนอนั้นสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วแม้จะยังไม่ได้ลงมือทำ สิ่งสำคัญไม่ใช่ความเจ๋งของไอเดีย แต่คือการอธิบายว่าไอเดียนั้นมีคุณค่ากับคนอื่นอย่างไร
ไม่เพียงแค่การพูดนำเสนอเท่านั้นที่สำคัญ การถามให้ถูกจังหวะก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เรานำเสนอมากขึ้น เคล็ดลับอยู่ในเล่ม ถามแล้วเวิร์ก ผลงานของ มัตสึดะ มิฮิโระ ที่เขียนให้เห็นความสำคัญของคำถามที่ไม่ใช่การจับผิด แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ถูกถาม ดังที่คีย์เวิร์ดสำคัญของหนังสือได้กล่าวว่า “อย่าเสียเวลากับการค้นหาคำตอบที่ถูกต้อง แต่จงให้ความสำคัญกับการตั้งคำถามที่ถูกต้อง”ฝึกการจัดระเบียบความคิดด้วยการถามและการตอบผ่าน “มันดาลาชาร์ตของคำถามวิเศษ” ซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจได้
สุดท้ายคือการ “สร้างเสน่ห์ให้กับการพูด” ซึ่งคงไม่มีเล่มไหนเหมาะมากไปกว่า Talk like TED โดย คาร์ไมน์ แกลโล อดีตนักข่าวผู้ผันตัวมาเป็นโค้ชสอนการพูดให้แก่นักบริหาร อีกทั้งยังเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง The Apple Experience และ The Presentation Secret of Steve Jobs เขาได้นำประสบการณ์ทั้งหมดที่มีมาเรียบเรียงเป็นเคล็ดลับ 9 ข้อในการพูดในที่สาธารณะให้ได้ดีอย่างนักพูดสร้างแรงบันดาลใจของ TED เคล็ดลับบางข้อที่ฟังดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายนักอย่าง “พูดให้เหมือนบทสนทนา” หรือ “สร้างช่วงเวลาอ้าปากค้าง” นักพูด TED ทำได้อย่างไร มีคำตอบในเล่มนี้ทั้งหมดแล้ว
4. ตั้งใจฟังผู้ฟัง เปลี่ยนลูกค้าเป็นมิตรแท้
ใครว่าการนำเสนอสำคัญที่การพูดเพียงอย่างเดียว เพราะ “การเงียบ” และ “การฟัง” บางครั้งสำคัญกว่าการพูดเรื่อยเจื้อยเป็นน้ำท่วมทุ่งเสียอีก ทั้งหมดถูกอธิบายไว้ในหนังสือสองเล่มคือ พูดให้ถูกจังหวะ คนชนะไม่พูดเยอะ และ เงียบให้ถูกจังหวะ คนชนะไม่พูดมาก ผลงานของ มาร์ก กูลสตัน จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการพูดและการรับฟังให้แก่ธุรกิจชั้นนำ เช่น GE IBM Kodak Disney มากว่า 30 ปี เขาได้แนะนำการเคล็ดลับการสื่อสารดี ๆ ในทั้งสองเล่มไว้หลายข้อ เช่น “การพบคนที่เหมือนชนกำแพงอิฐ เราต้องเลิกชนกำแพงแล้วมองหาอิฐก้อนที่คลอนอยู่” หรือ “ทุกคนมีป้ายที่มองไม่เห็นห้อยคออยู่ ป้ายนั้นเขียนไว้ว่า-จงทำให้ฉันรู้สึกสำคัญ” การมองเห็น “หัวใจ” ของคนอื่นจากการ “ตั้งใจฟัง” จะช่วยเปลี่ยนคนที่เข้าถึงยากเย็นให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดี เพื่อนร่วมงานที่ซื่อสัตย์ และเป็นมิตรสหายตลอดชีวิต
เป็นอย่างไรบ้างกับ 4 เคล็ดลับ จากหนังสือ 10 เล่มคู่ใจเปลี่ยนมือใหม่เป็นยอดนักพรีเซนต์ เคล็ดลับมากมายถูกขยายเอาไว้ในหนังสือให้พวกเราได้หยิบกันไปใช้ เปลี่ยนสไลด์และการนำเสนอจืด ๆ ให้เป๊ะปังปุริเย่กันไปเลย และที่สำคัญคือทั้ง 10 เล่ม มีให้บริการใน TK Park Alive ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ อย่าลืมมาใช้บริการกันนะ