คุณรู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นอันดับที่ 31 ของโลก และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย
คุณรู้หรือไม่ว่า การชาร์ตแบตเตอรี่มือถือที่เต็มแล้ว รวมทั้งการเสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้จะเสียพลังงานอย่างเปล่าประโยชน์ไปถึง 95%
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในเวลาเพียงแค่ 10 นาที การอาบน้ำฝักบัวประหยัดกว่าตักอาบตั้งครึ่งหนึ่ง และการปิดน้ำระหว่างแปรงฟันประหยัดน้ำได้เดือนละกว่า 151 ลิตร!!
ตัวเลขการสูญเสียพลังงานที่น่าตกใจเหล่านี้ อาจพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หากเราคิดว่าการร่วมมือรณรงค์ลดโลกร้อนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วมีหลายวิธีที่จะช่วยรักษาสภาพแวดล้อมของโลกให้คงอยู่ เพียงเริ่มต้นจากสิ่งของรอบๆ กาย
เช่นเดียวกับกิจกรรมจากไอเดียสุดสร้างสรรค์ TK Grow Green ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2554 ที่เนรมิตบริเวณลานสานฝันของอุทยานการเรียนรู้ TK park จนกลายเป็นแปลงผักสวนครัวขนาดจิ๋ว เพื่อรอคอยให้ผู้ที่สนใจมาเรียนรู้และร่วมสร้างพื้นที่สีเขียวไปด้วยกัน
กิจกรรม TK Grow Green ชวนสร้างสวนผักแบบง่ายๆ
พืชผักและเมล็ดคุ้นตาไม่ว่าจะเป็น ผักสลัด สะระแหน่ กะเพรา หรือต้นอ่อนของทานตะวัน ถูกนำมาจัดวางเรียง ให้ผู้ที่สนใจเห็นถึงวิธีการปลูกผักทานเองแบบง่ายๆ พร้อมทั้งมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเคล็ดลับการดูแลสวนผักแบบธรรมชาติ แต่หากยังไม่จุใจก็สามารถลงมือทำกิจกรรม “DIY แปลงผักสวนครัวกลายเป็นสวนจิ๋ว” ซึ่งจะสอนวิธีการทำกระถางจากวัสดุเหลือใช้ปลูกผักสลัดจริงๆ และสามารถนำกลับไปดูแลรักษาที่บ้านได้อีกด้วย
โดยนำเสนอการสร้าง “กระถางลืมรดน้ำ” ที่เกิดจากการนำขวดพลาสติกขนาด 1-5 ลิตรมาตัดครึ่งให้กลายเป็นกระถาง และสามารถแต่งเติมระบายสีลวดลายตามจินตนาการลงบนข้างขวดเพื่อความสวยงาม จากนั้นนำด้านที่เป็นปากขวดคว่ำลงไปในส่วนที่ตัดไว้ แล้วจึงใส่ดินที่ผสมใบก้ามปู ซึ่งใบก้ามปูนี้เมื่อย่อยสลายก็จะกลายเป็นปุ๋ยที่มีสารอินทรีย์ให้กับพืช พร้อมกับค่อยๆ วางต้นอ่อนของผักสลัดลงไปในดิน ปิดทับด้วยดินผสมกาบมะพร้าว ซึ่งจะช่วยเพิ่มการระบายที่ดี แล้วรดน้ำตามเบาๆ ให้ชุ่ม วางในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง เราก็จะได้ “ผักสลัดในกระถางขวด” ที่แม้จะลืมรดน้ำ 2-3 วัน แต่ดินก็ยังสามารถดูดซึมน้ำไปหล่อเลี้ยงผักได้
นอกจากนี้ ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้เด็กๆ ได้สนุกสนานไปกับวิธีการปลูกผักพร้อมคุณพ่อคุณแม่ และช่วยสร้างรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจกับผักที่ปลูกด้วยมือของตนเอง
หน้าตาของกระถางลืมรดน้ำใครๆ ก็ทำได้
แต่หากใครมีข้อสงสัยในการดูแลผักก็สามารถสอบถามวิทยากรรับเชิญมากความรู้ คุณนคร ลิมปคุปตถาวร หรืออีกสมญานามหนึ่งคือ “เจ้าชายผัก” ผู้เชี่ยวชาญในพืชพันธุ์หลายชนิดที่พร้อมให้คำแนะนำในการปลูกและดูแล
“ผักต่างๆ ล้วนมีสรรพคุณและวิธีการดูแลแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของผักครับ แต่วิธีการปลูกผักสวนครัวด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แม้จะมีพื้นที่จำกัดแต่เราก็สามารถปลูกผักทานเองที่บ้านได้” เจ้าชายผักอธิบายก่อนเริ่มต้นทำกิจกรรม สาธิตการสร้างผักสีเขียวด้วยผักสวนครัวใกล้ตัว
“มีหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องยุ่งยากปลูกผักด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ซื้อกินง่ายกว่า แต่ความจริงแล้วผักตามท้องตลาดเราไม่สามารถแน่ใจได้ว่าจะปนเปื้อนสารเคมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากเรารับประทานเข้าไปมากๆ ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้” พร้อมกันนั้นเจ้าชายผักได้ยกกระปุก 2 ใบที่ใส่ผักชนิดเดียวกันโดยทิ้งไว้ 2-3 วัน แต่กระปุกใบหนึ่งเป็นผักที่ปนเปื้อนสารเคมีจึงมีลักษณะสีคล้ำบ่งบอกถึงความเน่าเสีย ตรงข้ามกับผักที่ปลูกแบบไร้สารพิษที่ยังมีสีเขียว เนื่องจากผักมีเส้นใยมากจึงสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานกว่า
ด้วยเหตุนี้เอง การปลูกผักรับประทานจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งเจ้าชายผักก็ได้สาธิตวิธีการเพาะเมล็ดผักอย่างประณีต เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้กลับไปทำตาม
เจ้าชายผักสาธิตวิธีการปลูกผักอย่างละเอียด
เริ่มจากการเตรียมดิน โดยใช้ตะแกรงพลาสติกร่อนดินผสมใบก้ามปู และปุ๋ยผสมกาบมะพร้าว เพื่อให้ดินมีความละเอียดสามารถดูดซึมน้ำได้ดีและทำให้เมล็ดนั้นงอกออกมาได้เร็วมากขึ้น ถัดจากการผสมดินให้เข้ากันแล้ว ให้เรานำตะกร้าพลาสติกขนาดเล็ก วางกระดาษที่ไม่มีหมึกลงไปตรงก้น จากนั้นจึงนำดินใส่ลงไป โดยหลีกเลี่ยงการกดเพราะจะทำให้ดินแน่นเกินกว่าที่ต้นอ่อนจะงอกได้ แล้วให้ใช้ไม้เล็กๆ กดร่องดินให้ลึกประมาณ 3-5 มิลลิเมตร และนำเมล็ดพืชที่เตรียมไว้ โดยอาจใช้เป็นเมล็ดพืชที่สามารถขยายพันธุ์ได้ต่อโรยลงไปให้ทั่วตามร่องดิน ก่อนใช้มือค่อยๆ กลบปิดเมล็ดเหล่านั้น พร้อมทั้งรดน้ำเบาๆ เช้าเย็น แล้วนำไปวางไว้ในที่ร่ม
เพียงไม่กี่วันต้นอ่อนสีเขียวก็จะค่อยๆ งอกออกมา ซึ่งถึงเวลาที่เราจะย้ายไปปลูกในกระบะหลุมพลาสติก เพื่อให้ต้นอ่อนเจริญเติบโตจนแข็งแรงเพียงพอที่จะนำไปปลูกลงดิน โดยอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 20 วัน โดยเมื่อย้ายลงดินแล้ว ก็ต้องดูแลเอาใจใส่รดน้ำ และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ไร้สารพิษจากการหมัก ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำเศษใบไม้ เศษอาหาร 1 ส่วน ผสมกับมูลวัวหรือไก่ 1 ส่วน และตามด้วยฟาง หญ้าแห้ง หรือเศษไม้อีก 10 ส่วน เพียงเท่านี้เราก็จะได้ปุ๋ยที่มีสารอินทรีพร้อมสำหรับการปลูกผักงามๆ
รวมไปถึงการกำจัดศัตรูพืช โดยอาศัยสูตรธรรมชาติจากน้ำหมักชีวภาพ เช่น น้ำส้มควันไม้ ที่มีฤทธิ์ไร้แมลงและทำให้ผักเจริญงอกงาม กระทั้งเหมาะจะนำไปรับประทานได้
ยกสวนสวยด้วยผักมาไว้ที่ TK park
“สิ่งที่สำคัญสำหรับการปลูกผักคือ ความอดทน เพราะขั้นตอนการปลูกผักต่างๆ ต้องอาศัยสมาธิและความใส่ใจ การปลูกผักจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยฝึกสมอง เปลี่ยนคนมือร้อนให้กลายเป็นคนมือเย็น หรือมีความใจเย็นมากขึ้น” เจ้าชายผักให้แง่คิดถึงประโยชน์อื่นๆ ที่ตามมาจากการปลูกผัก เช่นเดียวกับ คุณณัฎฐ์ธนกร ยุกตธนะนันย์ คุณพ่อที่พาลูกๆ ทั้งสามคนมาร่วมทำกิจกรรมได้กล่าวถึงความประทับใจไว้ว่า
“โดยส่วนตัวครอบครัวของผมจะชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว แต่การปลูกผักในวันนี้นอกจากจะทำได้ง่าย ยังสามารถนำไปรับประทานได้จริงๆ และทำให้เด็กๆ รู้จักรับผิดชอบดูแลผักที่เขาปลูกด้วยตัวเอง”
ปลูกจิตสำนึกด้วยการปลูกผักใบเขียว
ท้ายที่สุดกิจกรรม TK Grow Green มิใช่แค่มุ่งจุดประเด็นในเรื่องการปลูกพืชผักเท่านั้น แต่ยังใส่ใจถึงการปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างความตระหนักให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาด้านพลังงานจากผลกระทบภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญหน้าในทุกขณะ
โดยอาศัยการปลูกผักสวนครัวที่บ้านเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มให้กับโลก ซึ่งสามารถเริ่มต้นในวันนี้ได้ด้วยสองมือของเราเอง
พลอยบุษรา