
ความตื่นตัวเรื่องการส่งเสริมการอ่านให้กับเด็กระดับปฐมวัยในประเทศไทยเริ่มต้นอย่างชัดเจนเมื่อมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กได้นำองค์ความรู้เรื่อง Book Start จากอังกฤษและญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ในนามโครงการ “หนังสือเล่มแรก” ตั้งแต่ปี 2547 และจากนั้นมาห้องสมุดประชาชนหลายแห่งก็ริเริ่มและให้ความสำคัญกับการจัดทำมุมหนังสือหรือห้องอ่านหนังสือสำหรับเด็กไว้ในห้องสมุดด้วย จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2559 ได้เกิดห้องสมุดหนังสือภาพสำหรับเด็กปฐมวัยแห่งแรกในประเทศไทย นั่นก็คือ ดรุณบรรณาลัย ด้วยการผลักดันของมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กและการอนุเคราะห์อาคารเก่าจากสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต ห้องสมุดแห่งนี้ตั้งอยู่อยู่ใจกลางชุมชนวัดม่วงแคย่านเจริญกรุง ซึ่งมีประชาการหลากหลายศาสนาวัฒนธรรม อยู่ใกล้กับโรงเรียนที่เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล รวมทั้งมีเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ที่เข้ามาใช้บริการของสถาบันราชานุกูล ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ห้องสมุดจึงมุ่งหวังที่จะดำเนินงานเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในชุมชนเหล่านี้
อาคารลักษณะบ้านโบราณอายุเกือบ 100 ปี ได้รับการปรับปรุงด้วยงบประมาณแปรญัตติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตพื้นที่ และได้รับงบประมาณสนับสนุนในการสร้างห้องสมุดจากมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ชั้นล่างของอาคารเป็นบริเวณพื้นที่ห้องสมุด เมื่อเดินเข้าประตูไป เด็กและผู้ปกครองจะพบกับบรรณารักษ์ที่เคาน์เตอร์เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเลือกอ่านหนังสือตามห้องต่างๆ ที่จัดแบ่งไว้ตามช่วงวัย ภายในห้องไม่มีโต๊ะเก้าอี้แต่ออกแบบให้เป็นบ่อทรงโค้งปูด้วยเบาะนุ่มๆ สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาคือบันไดสายรุ้งที่ทอดผ่านจากห้องอ่านนิทานออกไปยังนอกหน้าต่างอาคาร ทลายความรู้สึกว่าเด็กจะต้องอยู่นิ่งๆ นั่งอ่านหนังสืออย่างสงบในห้อง ส่วนพื้นที่ชั้นสอง มีห้องสำหรับจัดประชุม เสวนา เวิร์คช็อป และพื้นที่สำนักงาน

ดรุณบรรณาลัยมีหนังสือให้บริการประมาณ 800 เล่ม ประกอบด้วยหนังสือที่คัดสรรมาจากโครงการหนังสือเล่มแรก หนังสือบริจาคของร้านเอเชียบุ๊ค และหนังสือที่มีการคัดเลือกเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้จัดกิจกรรม จำแนกเป็นหนังสือสำหรับเด็กอายุ 0-1 ขวบ 3-5 ขวบ และ 5 ขวบขึ้นไป เมื่อเด็กๆ อ่านหนังสือจบแล้วสามารถนำหนังสือไปเก็บด้วยตนเอง เพราะที่ชั้นหนังสือจะมีภาพปกหนังสือเล่นนั้นๆ ติดอยู่ เป็นการส่งเสริมความรับผิดชอบและทักษะการสังเกตให้แก่เด็กๆ ได้ทางอ้อม
สุธาทิพ ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการดรุณบรรณาลัย ตั้งข้อสังเกตว่า “ที่ผ่านมาหนังสือที่ผ่านการคัดสรรมีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เพราะหนังสือสำหรับเด็กที่มีอยู่ในท้องตลาดไม่มีคุณภาพ แต่อาจยังมีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะกับเด็กปฐมวัย เช่น มีตัวหนังสือมากเกินไป เป็นหนังสือสองภาษา มีสีสันฉูดฉาด หรือวาดด้วยคอมพิวเตอร์ที่ให้ความรู้สึกกระด้าง ในขณะที่ประเทศซึ่งมีองค์ความรู้ด้านการพัฒนาหนังสือสำหรับเด็กเป็นอย่างดีจะมีความละเมียดละไมในการออกแบบมากกว่า เช่น การวาดลายเส้นด้วยสีไม้ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน”
คัธริน กอประคอง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของดรุณบรรณาลัยเชื่อว่า “สำนักพิมพ์น่าจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบหนังสือสำหรับเด็กอยู่พอสมควร แต่อาจละเลยหลักการเหล่านั้นเพราะมุ่งเน้นกลยุทธ์ทางการตลาดมากเกินไป การผลิตหนังสือในปัจจุบันจึงคำนึงถึงการตอบสนองอุปสงค์ของพ่อแม่ซึ่งอาจจะอยากให้ลูกมีพัฒนาการทางสติปัญญาเร็วๆ”
สุธาทิพ กล่าวว่า “หัวใจของห้องสมุดสำหรับเด็กปฐมวัยอยู่ที่กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กติกาที่สำคัญของการใช้บริการดรุณบรรณาลัยก็คือ พ่อแม่จะต้องมีส่วนร่วมในการช่วยอ่านหนังสือและทำกิจกรรมร่วมกับลูก เนื่องจากเด็กเล็กเป็นวัยที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และการได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันยังช่วยสร้างสายใยแห่งความรักที่อบอุ่นให้กับครอบครัว ทั้งนี้ห้องสมุดจะต้องเน้นการอ่านหนังสือแล้วออกแบบกิจกรรมให้สอดรับกับเรื่องราวที่อ่าน กิจกรรมของดรุณบรรณาลัยจึงเป็นเหมือนการสาธิตตัวอย่างให้พ่อแม่ได้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับหนังสือและการอ่าน แล้วสามารถนำกลับไปประยุกต์ได้เองที่บ้าน”

“บรรณารักษ์ควรมีบทบาทในการทำให้เด็กเข้ามาที่ห้องสมุดแล้วเกิดความชอบ เมื่อเด็กชอบแล้วเขาจะอยากลองอยากเล่น เปิดรับกับสิ่งใหม่ๆ และเกิดความรักที่จะเรียนรู้” คัธริน กล่าวเสริมและบอกว่า ดรุณบรรณาลัยจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่องทุกๆ สัปดาห์ เช่น มือน้อยค่อยๆ ปลูก กิจกรรมอ่านนิทานแล้ววาดรูประบายสี ฟังนิทานในสวน และงานประดิษฐ์ต่างๆ และมีแนวทางที่จะจัดกิจกรรมใหญ่ปีละ 4 ครั้ง เนื่องในโอกาสวันเด็ก วันหนังสือเด็กแห่งชาติ วันพ่อ และวันแม่
เจ้าหน้าที่ประจำของดรุณบรรณาลัยมีเพียง 4 คน ในช่วงที่ห้องสมุดจัดกิจกรรมจึงจำเป็นต้องเปิดรับอาสาสมัครเข้ามาเป็นกำลังเสริม ซึ่งมีทั้งบรรณารักษ์จากโรงเรียนต่างๆ นักศึกษา และหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อาสาเข้ามาช่วยงานอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงทดลองเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มาจากครอบครัวคนชั้นกลางที่อาศัยนอกชุมชนหรือจังหวัดในเขตปริมณฑล ซึ่งรับทราบข่าวสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์ ดังนั้นหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ทีมงานจึงมีความมุ่งหวังจะสร้างเครือข่ายกับโรงเรียนและครอบครัวที่อยู่ในละแวกชุมชนให้มากขึ้น
ห้องสมุดดรุณบรรณาลัยเปิดให้บริการมาแล้วกว่าหนึ่งปีครึ่ง การสร้างความมีส่วนร่วมกับชุมชนนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาจึงจะประเมินผลสำเร็จได้ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งอาจกล่าวได้แล้วก็คือสถานที่แห่งนี้กำลังกลายเป็นต้นแบบห้องสมุดสำหรับเด็กปฐมวัย ที่ทำให้องค์กรปกครองท้องถิ่นหรือหน่วยงานที่สนใจได้เห็นว่าการทำห้องสมุดเด็กนั้นสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างขวางหรือใช้งบประมาณมากมาย
ที่มาภาพ เฟสบุ๊คเพจดรุณบรรณาลัย @darunbannalai
https://www.facebook.com/darunbannalai
ที่มาวีดิทัศน์ รายการLightning Talk ตอน ดรุณบรรณาลัย ห้องสมุดหนังสือภาพสำหรับเด็กปฐมวัยฯ