37 วิธีส่งเสริมให้เด็กๆรักการอ่าน
“ผู้ที่รักการอ่านมีชีวิตอยู่เป็นพันๆ ปีก่อนที่พวกเขาจะจากไป ในขณะที่ผู้ไม่เคยอ่านหนังสือเลยมีชีวิตอยู่เพียงครู่เดียว" เป็นคำกล่าวของจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน ผู้ประพันธ์วรรณกรรมก้องโลกอย่างมหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) เป็นคำกล่าวที่ทรงพลังไม่น้อย เพราะมันแสดงให้เห็นถึงพลังของการอ่านที่เปิดประตูไปสู่ความเข้าใจโลก การผจญภัย และการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์เรา อย่างไรก็ตามนิสัยรักการอ่านไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หากแต่จะต้องได้รับการสนับสนุนและนำทางจนกระทั่งมันพัฒนาและเติบโตสร้างผู้ใหญ่ที่รอบรู้และกว้างขวางหนึ่งคนในสังคม
นี่คือเหตุผลว่าทำไมการปลูกฝังให้เยาวชนรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆมีความสำคัญต่อสังคมในภายภาคหน้าเป็นอย่างมาก 37 วิธีที่รวบรวมมาจากบุคลากรภาคการศึกษาต่อไปนี้จะกล่าวถึงเทคนิคสนุกๆที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กๆรักการอ่าน
1. อ่านออกเสียงให้เด็กฟัง
การอ่านนิทานหรือหนังสือที่เด็กเล็กชอบให้พวกเขาจะปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการอ่าน
2. ให้พวกเขารู้ว่าคุณกำลังอ่านอะไร
เด็กต้องการคนที่เป็นต้นแบบที่ดี การแสดงนิสัยรักการอ่านให้พวกเขาเห็นจะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขารักการอ่าน
3. ให้เด็กสนุกกับการใช้การ์ดออกเสียง
การ์ดออกเสียงทำงานด้วยการให้เด็กเลือกการ์ดตัวการ์ตูนที่เขาชอบ และอ่านออกเสียงตามที่ได้ยิน
4. ให้เด็กวาดในสิ่งที่พวกเขาได้ยิน
วิธีนี้จะทำให้เด็กๆจดจ่อกับสิ่งที่พวกเขาได้ยินมากกว่าที่คิด และทำให้พวกเขาพัฒนาทักษะในการจับใจความ
5. ให้เด็กอ่านออกเสียงหนังสือที่พวกเขาเลือกเอง
การให้เด็กมาอ่านหนังสือที่เขาเลือกให้เพื่อนในห้องฟังจะทำให้เขาสนุกกับการ "แชร์" เรื่องราวที่ตัวเองคัดสรร
6. เตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นนอกจากหนังสือให้พวกเขาอ่าน
ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ การให้เขาได้เห็นสื่ออื่นๆ จะสร้างความมั่นใจและความสนุกในการอ่าน
7. สร้างตัวเลือกอื่นๆ สำหรับเด็กเล็ก
ลองให้เด็กฟังเรื่องราวจากซีดีอ่านออกเสียง แล้วให้เขาเล่าเรื่องที่ได้ยินมาสิ มันจะทำให้พวกเขาจับใจความเก่งขึ้นมากทีเดียว
8. สังเกตประเภทหนังสือที่เด็กสนใจ
เด็กบางคนอาจจะชอบอ่านการ์ตูนมากกว่านิทาน ดังนั้นการให้เขาอ่านสิ่งที่เขาสนใจก่อนจะสร้างนิสัยรักการอ่านได้ดีกว่า
9. ให้เด็กแนะนำหนังสือที่พวกเขาคิดว่าดี
มันจะทำให้พวกเขาเริ่มนึกถึงหนังสือที่เคยอ่านไป และกระตุ้นความรู้สึกอยากอ่านเล่มอื่นๆเพื่อจะได้รู้ว่าควรแนะนำเล่มไหน
10. เตรียมหนังสือที่เด็กพูดถึงให้พร้อมเสมอ
จับตาดูว่าเด็กๆ กำลังสนใจหนังสือเล่มไหน และไปเตรียมเล่มนั้นไว้ให้พร้อม
11. ห้องสมุดประจำห้องเรียนอาจเป็นทางเลือกเดียวที่ให้เด็กๆ เข้าถึงหนังสือได้
ครอบครัวของเด็กบางคนอาจมีอุปสรรคในการซื้อหนังสือดีๆ แพงๆ อย่างน้อยห้องสมุดประจำห้องเรียนก็ช่วยพวกเขาทางหนึ่ง
12. เด็กหลายคนรู้สึกปลอดภัยกว่า เมื่ออ่านในห้องสมุดประจำเรียน มากกว่าห้องสมุดของโรงเรียน
สำหรับเด็กหลายคน ห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือผู้ใหญ่อาจทำให้เขาหวาดกลัวมากกว่ามุมเล็กๆ ในห้องเรียนของเขา
13. มุมอ่านหนังสือควรจะให้ความรู้สึกเชื้อเชิญและอบอุ่นใจ
ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่โรงเรียน มุมอ่านหนังสือควรจะมีแสงสว่างเพียงพอ สะอาด และปลอดภัย
14. ให้ตุ๊กตาสัตว์เป็นคู่หูอ่านหนังสือของเด็กอนุบาล
พวกเขาอาจรู้สึกมั่นใจมากกว่าเมื่อได้เล่าเรื่องให้สัตว์ตัวน้อยฟัง
15. ให้สุนัขฝึกเป็นคู่หูอ่านหนังสือของเด็กอนุบาล
เด็กๆ รักสุนัข และสุนัขก็ไม่มีวันทำให้พวกเขาประหม่าเมื่อต้องอ่านออกเสียง วิธีนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับเด็กๆ ได้
16. ให้เด็กโตเป็นคู่หูอ่านหนังสือเด็กเล็ก
เด็กเล็กจะเลียนแบบทักษะการอ่านของเด็กโต และเด็กโตก็จะเรียนรู้วิธีการสื่อสารให้เข้าใจง่าย
17. ยกระดับความยากของหนังสือในห้องสมุด
เด็กหลายคนมีพัฒนาการเร็วกว่าเพื่อน อย่าให้เขาหยุดเรียนรู้ ด้วยการเติมหนังสือที่ยากขึ้นไปอีกระดับเสมอ
18. ผสมหนังสือหลายระดับเข้าไว้ด้วยกัน
เด็กๆ จะฝึกทักษะในการคัดแยกว่าเรื่องไหนยากหรือง่าย และเข้าใจระดับความรู้ของตัวเองโดยอัตโนมัติ
19. สร้างห้องสมุดวิทยาศาสตร์
"สถิติโลกของกินเนสเวิร์ล" และ "ริปลี่ย์ เชื่อหรือไม่" ไปจนถึง "นิตยสารวิทยาศาสตร์วันนี้" ได้รับความนิยมจากเด็กๆ เสมอ
20. เตรียมหนังสือไว้ให้ครบในทุกห้องเรียน
ในทุกคลาสจะมีเด็กที่ทำข้อสอบเสร็จเร็วกว่าเพื่อนเสมอ การเตรียมมุมหนังสือไว้ให้เด็กพวกนั้นนั่งอ่านรอก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว
21. แนะนำหนังสือเล่มใหม่ๆ ตลอดปี
เด็กๆ จะตื่นเต้นกับหนังสือใหม่ๆ มากกว่าที่คุณคิด
22. สอนเด็กวิธีการหาหนังสือที่เหมาะกับพวกเขา
ฝึกเขาไว้ก่อนโตขึ้นไปใช้ห้องสมุดใหญ่
23. ปล่อยให้เด็กชอปหนังสือที่พวกเขาพกติดตัวไว้ได้
นอกจากจะเพลิดเพลินจากการชอปปิ้งแล้ว พวกเขายังสนุกที่ได้เลือกสิ่งที่จะอ่านเองได้
24. สอนให้เด็กรักษาหนังสือและให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำอย่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเปิดสมุด หรือวิธีการถนอมปก สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของหนังสือ
25. เล่านิทานให้เขาฟัง และให้เขาสร้างหนังสือจากเรื่องนั้น
ให้เด็กทั้งห้องช่วยกันระบายสี ปะกระดาษ หรือใช้เทคนิคศิลปะอื่นๆสร้างสรรค์เรื่องราวที่พวกเขาได้ฟัง
26. ให้เด็กออกแบบโปสเตอร์ภาพยนตร์จากหนังสือที่พวกเขาอ่าน
ทำเสร็จแล้วก็เอาผลงานของพวกเขาไปเรียงโชว์ที่ห้องสมุดเพื่อกระตุ้นให้เด็กคนอื่นๆอยากอ่านเกี่ยวกับเรื่องนั้น
27. แสดงรายการหนังสือที่คุณอ่านบนประตูห้องเรียน
ให้เด็กๆ ออกแบบปกหนังสือที่คุณอ่าน ก่อนจะเอาไปแปะที่ประตูห้อง นี่จะทำให้เด็กห้องอื่นๆรู้จักหนังสือเหล่านี้
28. คัดเลือก "นักเขียนประจำสัปดาห์"
เด็กที่ได้รับเลือกให้เป็นนักเขียนประจำสัปดาห์จะได้ออกมาแชร์เรื่องราวในหนังสือที่ตัวเองเขียน
29. ให้เด็กสร้างตัวอย่างภาพยนตร์หนังสือ
ถือเป็นการโฆษณาให้เพื่อนๆ สนใจในหนังสือที่พวกเขาอ่านและเลือกมาทำเป็นตัวอย่างภาพยนตร์
30. ใช้อุปกรณ์โสตช่วยให้เด็กเข้าใจน้ำเสียงของเรื่องราว
วิธีนี้จะทำให้เด็กจดจำรายละเอียดของเรื่องราวได้ดี และสามารถสร้างจินตนาการที่แจ่มชัดได้ในการอ่านหนังสือเล่มต่อไป
31. ให้เด็กๆ ลองแต่งตอนต่อไปของเรื่องราวที่อ่านดู
วิธีการนี้จะทำให้พวกเขาเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุและผล และสามารถระบุได้ว่าเหตุการณ์ใดที่เป็นสาเหตุของอีกเหตุการณ์
32. สร้างโอกาสสำหรับบทสนทนาที่เป็นกันเอง
การชวนเด็กคุยถึงหนังสืออย่างเป็นกันเอง จะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นอิสระจากความกดดัน และสนุกที่จะได้พูดคุยถึงสิ่งที่อ่าน
33. จัดกิจกรรมวิจารณ์หนังสือ
เปิดโอกาสให้แต่ละคนถกเถียงถึงหนังสือเล่มที่พวกเขาเลือก พวกเขาจะเริ่มรู้จักหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เพื่อนเลือกมามากขึ้น
34. จัดโหวตหนังสือที่ดีที่สุดแห่งปี
หลังจากอ่านหนังสือกันมาทั้งปีแล้ว ให้เด็กๆ โหวตหนังสือที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดประจำปี วิธีการนี้จะเป็นการแนะนำให้เด็กหลายคนรู้จักหนังสือที่พวกเขาไม่เคยอ่าน และกระตุ้นความสนใจที่จะเริ่มอ่านหนังสือดีๆ
35. จัดงาน "อ่านมาราธอน"
เมื่อครูใหญ่ส่งสัญญาณของงานผ่านอินเตอร์คอมของโรงเรียน ไม่ว่านักเรียนหรือครูก็ต้องหยุดทุกสิ่งที่ทำแล้วหันมาอ่านหนังสือ ใครที่อ่านได้นานที่สุดจะได้รับรางวัลจากโรงเรียน ถือว่าเป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านร่วมกันทั้งโรงเรียน
36. ไม่ทำโทษเด็กด้วยการอ่าน
การอ่านไม่ควรจะถูกตีตราให้เป็นวิธีการลงโทษ เพราะมันจะทำให้พวกเขากลัวการอ่าน
37. จัดปาร์ตี้อ่านหนังสือ
จัดกิจกรรมที่ให้เด็กๆ เอาหมอนและตุ๊กตาคู่หูอ่านมาที่ปาร์ตี้ และให้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการอ่านหนังสือที่พวกเขาชอบ
แหล่งข้อมูลและแหล่งภาพจาก http://www.edutopia.org/discussion/37-ways-help-kids-learn-love-reading