6 หนังสือที่ควรอ่าน ก่อนกลายเป็นหนังชนโรง!
ปัจจุบัน กระแสการนำหนังสือสารคดีหรือนิยายชื่อดังมาดัดแปลงเป็นหนังมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นักอ่านหลายคนก็คงขัดใจพอสมควรที่หนังความยาวเพียง 1-2 ชั่วโมงไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราว รายละเอียด และอารมณ์ความรู้สึกได้ดีเท่ากับหนังสือเล่มหนา ขณะที่ในมุมมองของคอหนังหลายคน การอ่านหนังสือต้นฉบับไปก่อนกลับช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ดีเยี่ยม
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หนังสือดีสมควรถูกอ่านเสมอ วันนี้ TK park จึงขอแนะนำหนังสือดี 6 เล่มที่นักอ่านและคอหนังตัวยงไม่ควรพลาด ก่อนที่พวกมันจะถูกทำเป็นหนังจอเงินซึ่งมีกำหนดออกฉายและคาดว่าจะออกฉายภายในปี 2558 นี้
1. In The Heart Of The Sea โดย Nathaniel Philbrick
เรื่องจริงในยุคทองแห่งการล่าวาฬเมื่อปี 1820 เมื่อเรือล่าวาฬ ‘เอสเซกซ์’ จากชายฝั่งนิวอิงแลนด์ถูกวาฬขนาดใหญ่โจมตีจนจมลงพร้อมกับลูกเรืออีก 21 คน ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นต่างต้องผจญภัยกลางทะเล ต่อสู้กับความหิวโหย ความโหดร้าย หรือแม้แต่ฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอด ‘In The Heart Of The Sea’ ถูกนำมาเป็นหนังชื่อเดียวกัน กำกับโดยรอน ฮาเวิร์ด พร้อมได้ดาราชื่อดังอย่างคริส เฮมสเวิร์ธ มารับบทแสดงนำ มีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐฯ วันที่ 13 มีนาคมนี้ ส่วนเมืองไทยฉายก่อนสหรัฐฯ หนึ่งวัน
2. Child 44 โดย Tom Rob Smith
หนึ่งในนิยายระทึกขวัญที่ได้รับรางวัลมากที่สุดเล่มหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเป็นเล่มแรกของนิยายไตรภาค บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐบาลโซเวียตที่เข้าไปสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โดยมีเหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพิ่มความขนลุกด้วยฉากหลังของสังคมอาชญากรรมในสหภาพโซเวียตยุคสตาลิน ‘Child 44’ ถูกหยิบมาทำเป็นหนังโดยแดเนียล เอสปิโนซา ผู้กำกับชาวสวีดิช นำแสดงโดยทอม ฮาร์ดี เข้าฉายในสหรัฐฯ 17 เมษายน ส่วนเมืองไทย 23 เมษายน หลังถ่ายทำกันนานเกือบ 2 ปี
3.The Martian โดย Andy Weir
นิยายระทึกขวัญอีกเล่มที่กำลังจะกลายเป็นหนังชนโรงปีนี้ ‘The Martian’ คือเรื่องราวของนักบินอวกาศชาวอเมริกันที่ติดอยู่บนดาวอังคารและต้องทำทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด หนังสือเต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะทางดาราศาสตร์มากมายที่รอท้าทายผู้อ่านตลอดทั้งเล่ม ‘The Martian’ เวอร์ชันจอแก้วนำแสดงโดยดารายอดฝีมืออย่างแม็ตต์ เดมอน โดยมีริดลีย์ สก็อตต์ ทำหน้าที่กำกับ เข้าฉายทั่วโลกปลายเดือนพฤศจิกายน เรื่องนี้ไม่อ่าน-ดูไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในตัวเต็งออสการ์ตั้งแต่ยังไม่เข้าฉายด้วยซ้ำ
4. Dark Places โดย Gillian Flynn
ภาพยนตร์จากนิยายของจิลเลียน ฟลินน์ อย่าง ‘Gone Girl’ เคยสร้างกระแสฮือฮามาแล้วเมื่อปีก่อน ก็ตามมาติดๆ ด้วย ‘Dark Places’ ประสบการณ์ลึกลับของหญิงคนหนึ่งที่ต้องการหาคำตอบว่าเกิดอะไรชึ้นกับครอบครัวของเธอซึ่งถูกฆาตกรรมโหด แม้โครงเรื่องจะดูไม่ดึงดูดเท่ากับ ‘Gone Girl’ แต่รับรองว่าหนังสือเล่มนี้ให้ประสบการณ์อันดำมืดและโลดโผนแก่นักอ่านได้ไม่แพ้กัน เรื่องนี้ถูกสร้างเป็นหนังโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส จิลส์ ปาเกต์-เบรนเนอร์ ได้ชาร์ลิซ เธอรอน และคริสตินา เฮนดริก มานำแสดง กำหนดเข้าฉายยังไม่แน่นอน
5.The Price of Salt (Carol) โดย Patricia Highsmith
นิยายรักที่ถ่ายทอดเรื่องราวความความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวพนักงานห้างสรรพสินค้ากับหญิงแต่งงานแล้วที่ช่วยให้เธอเป็นอิสระจากงานในห้างที่เธอเกลียดชัง นิยายเรื่องนี้มีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว ถูกนำกลับมาเรียบเรียงเป็นหนังภายใต้ชื่อ ‘Carol’ โดยผู้กำกับทอดด์ เฮนส์ มีดาราฝือรางวัลอย่างเคต บลานเชตต์ และรูนีย์ มารา เป็นนักแสดงนำ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนกำหนดวันเข้าโรงจริง คาดกันว่าจะเป็นอีกเรื่องที่กวาดรางวัลได้เป็นกอบเป็นกำ
6. Silence โดย Shûsaku Endô
ปิดท้ายกันที่นิยายคลาสสิกฝั่งเอเชียกับ ‘Silence’ เรื่องราวของนักบวชของคณะเยสุอิตที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์ไม่ได้รับการยอมรับ ทำให้นักบวชต้องเผชิญกับความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหงมากมาย หนังชื่อเรื่องเดียวกันนี้กำกับโดยมาร์ติน สกอร์เซซี ที่ฝากฝีมือไว้กับ ‘The Wolf of Wall Street’ เมื่อสองปีก่อน เสริมทัพด้วยนักแสดงนำที่น่าสนใจอย่างเลียม นีสัน แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และอดัม ไดรเวอร์ แม้จะยังไม่มีกำหนดเข้าโรงที่แน่ชัด แต่ ‘Silence’ คืออีกหนึ่งเรื่องที่ควรถูกบรรจุในรายชื่อต้องอ่าน-ดูของทุกคนอย่างแน่นอน
ที่มาและภาพประกอบ: www.shortlist.com/entertainment/books/8-books-to-read-before-they-become-movies-in-2015