เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม อุทยานการเรียนรู้ TK park ร่วมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดฉายภาพยนตร์เรื่อง District 9 ภาพยนตร์ไซไฟเรื่องเยี่ยมจากฝีมือการกำกับของนีลล์ บลอมแคมป์ และอำนวยการสร้างโดยปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับ The Lord of the Rings ภาพยนตร์เรื่อง District 9 มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 82 (ค.ศ. 2010) ประเภทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี และมีชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA มากถึง 7 สาขา อาทิ ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ฯลฯ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานถึงการฉีกภาพหนังไซไฟแบบเดิมๆ ที่เน้นขายเทคนิคพิเศษและฉากแอคชั่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับดำเนินเรื่องด้วยกลวิธีกึ่งสารคดี คือ มีภาพข่าว ฟุตเตจจากการสัมภาษณ์ (Talking Head) ภาพจาก VTR และภาพจากกล้องวงจรปิดสลับกับการดำเนินเรื่องแบบภาพยนตร์ ในด้านเนื้อหายังเน้นวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์และปัญหาในสังคมปัจจุบันโดยใช้ไซไฟเป็นเครื่องมือด้วย
โปสเตอร์ภาพยนตร์ District 9
District 9 เล่าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยน ที่อพยพมาอาศัยอยู่ยังโลกมนุษย์ในฐานะผู้ลี้ภัยที่เหลือรอดจากดาวของตน โดยอาศัยอยู่บนโลกมายี่สิบปีแล้ว มนุษย์ต่างดาวพากันมาสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวในเขต district 9 (ดิสทริคท์ ไนน์) ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดทั้งยังเป็นเขตมั่งคั่งและเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้ แต่สภาพความเป็นอยู่ในเขต district 9 กลับไม่แตกต่างจากสลัมและค่ายกักกัน มนุษย์ต่างดาวถูกดูถูกโดยการเรียกอย่างเหยียดๆ ว่า “พวกกุ้ง” ทั้งถูกทุบตีและขูดรีดต่างๆ นานาโดยชาวแอฟริกันที่อยู่ในพื้นที่นั้น อีกทั้งการขายอาหารซึ่งก็คืออาหารแมวให้ในราคาสูง หรือการถูกยึดอาวุธต่างดาว หรือแม้แต่ชาวแอฟริกันพื้นเมืองที่พยายามกินเนื้อมนุษย์ต่างดาวเพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยให้มีพลัง และจะสามารถใช้อาวุธของมนุษย์ต่างดาวที่ยึดมาได้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ เช่น นักสิทธิมนุษยชน นักสังคมวิทยาก็ออกมาแสดงความวิตกกับเรื่องการอพยพมาอยู่ของมนุษย์ต่างดาว ประชาชนเองก็แสดงความหวาดระแวงกลัวว่ามนุษย์ต่างดาวจะขโมยสิ่งของหรือก่อเหตุร้าย ในที่สุดก็ได้ข้อยุติว่ามนุษย์ต่างดาวจะต้องย้ายออกไปจาก district 9 โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจนี้ก็คือ MNU หรือ Multinational United ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่รับจ้างทางทหาร Wikus Van De Merwe หรือวีคัส (ชาร์ลโต คอปลีย์) ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าภารกิจนี้ วิคัสต้องไปเจรจาและยื่นสัญญาให้มนุษย์ต่างดาวเซ็นยินยอมอพยพออกไป การเจรจาเต็มไปด้วยการกดขี่ของเจ้าหน้าที่ที่ถือปืนข่มขู่และทำร้ายมนุษย์ต่างดาว
เจ้าหน้าที่ใช้ปืนข่มขู่มนุษย์ต่างดาว
มนุษย์ต่างดาวก็ไม่อยากไป พวกเขาล้วนต้องการกลับบ้านเกิด แต่ยานลำยักษ์ที่ชำรุดและลอยนิ่งอยู่บนฟ้าทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือก แต่ทว่ามีมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่าคริสโตเฟอร์ ลักลอบซ่อมยานเล็กที่ฝังตัวอยู่ใต้ดิน โดยทำการทดลองในห้องลับในบ้านและใต้ดิน วันหนึ่งวีคัสไปพบห้องลับในบ้านของคริสโตเฟอร์เข้า และได้พบวัตถุต้องสงสัยอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกระป๋องสเปรย์ วีคัสเผลอไปกดฉีดมันเข้า ของเหลวสีดำจากวัตถุนั้นกระเด็นใส่หน้าเขา
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ วีคัสได้รับบาดแผลที่แขน เขาพันผ้าไว้ที่แขน แต่หลังจากถูกของเหลวจากวัตถุจากต่างดาว วีคัสก็มีอาการติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ เขามีน้ำมูกสีดำไหล และสุดท้ายก็อาเจียนอย่างรุนแรงจนถึงกับต้องส่งไปโรงพยาบาล แล้วเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของวีคัสก็เกิดขึ้นเมื่อแพทย์แกะผ้าพันแขนของเขาออกแล้วพบว่าแขนของเขากลายเป็นแขนแบบมนุษย์ต่างดาวไปเสียแล้ว
แขนของวีคัสกลายเป็นแขนเหมือนมนุษย์ต่างดาว
วีคัสถูกส่งไปเก็บตัวเพื่อทำการทดลอง เพราะเขาเป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่กลายพันธุ์ วีคัสสามารถใช้อาวุธของมนุษย์ต่างดาวได้ด้วย เขาคือมนุษย์ที่มีมูลค่าสูงมากเพราะคุณสมบัติที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งต่างดาว และที่ร้ายที่สุดคือ พ่อตาของเขาผู้ซึ่งเป็นผู้ผลักดันเขาให้เป็นหัวหน้าภารกิจ กลับกลายเป็นผู้ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงจากองค์กร MNU เขาปิดบังความจริงไม่ให้ลูกสาวหรือภรรยาของวีคัสรู้ ทั้งยังสนับสนุนการทดลองอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนกับวีคัสและมนุษย์ต่างดาวด้วย วีคัสจึงหนีออกมาและรู้ว่าที่เดียวที่เหมาะสมกับเขาคือเขต district 9
วีคัสค่อยๆ กลายสภาพเหมือนมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น ขณะนั้นเองเขาก็พบว่าคริสโตเฟอร์และลูกน้อยกำลังวางแผนกลับดาว คริสโตเฟอร์บอกว่าสามารถช่วยให้เขากลับมาเป็นมนุษย์ได้ แต่คริสโตเฟอร์จะต้องใช้วัตถุที่คล้ายกระป๋องสเปรย์นั้นในการขับเคลื่อนยาน วีคัสรู้ว่าวัตถุนั้นถูกเก็บไว้ที่ห้องทดลอง ทั้งคู่จึงร่วมมือกันบุกเข้าไปชิงวัตถุนั้น ทว่าเมื่อชิงมาได้แล้ว คริสโตเฟอร์กลับบอกให้วีคัสรออีกสามปีจึงจะกลับมาช่วย วีคัสจึงรู้ว่าถูกหลอกใช้ ขณะนั้นเองทหารก็บุกมาจับตัวคริสโตเฟอร์ได้ ส่วนวีคัสพยายามขับยานเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ดินหนีไปแต่ไม่สำเร็จ
ร่างกายของวีคัสค่อยๆ กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตัดสินใจช่วยเหลือให้คริสโตเฟอร์กับลูกหนีไปด้วยการควบคุมหุ่นยนต์เหล็ก และต่อสู้กับมนุษย์ที่พยายามขัดขวางจนคริสโตเฟอร์หนีไปได้และสัญญาว่าจะกลับมาช่วยวีคัสในอีกสามปีข้างหน้า วีคัสรู้ตัวดีว่าเขาหมดหวังไปแล้ว เพราะร่างกายของเขากลายเป็นต่างดาวมากกว่าครึ่งหนึ่ง แล้วในที่สุดวีคัสกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวเต็มตัวทั้งที่ความคิดจิตใจยังเป็นมนุษย์
ใบหน้าของวีคัสที่เริ่มกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว
เมื่อภาพยนตร์จบลงก็มีการเสวนาพูดคุย โดยมีคุณป๊อบ มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์อิสระให้เกียรติเป็นวิทยากร และมีคุณยุทธินัย ยั่งเจริญ หรือพี่ต้อง นักจัดการความรู้ ฝ่ายกิจกรรมประจำอุทยานการเรียนรู้ TK park รับหน้าที่เป็นพิธีกร
ก่อนจะพูดถึงเนื้อหาของภาพยนตร์ คุณป๊อบให้ความรู้เบื้องต้นก่อนว่า ดินแดนแอฟริกาใต้นี้เป็นดินแดนที่ “เพาะเชื้อของการต่อสู้” เพราะบ่มเพาะความคิดเรื่องเสรีภาพ การปลดแอก และสิทธิมนุษยชนจนกระทั่งความคิดไปงอกเงยในอินเดีย และในโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้เองนั้น คนของเขาก็ต้องการต่อสู้ ดินแดนแห่งนี้มีลักษณะเป็นพหุสังคมคือ “เป็นแหล่งรวมของชนกลุ่มน้อยของชนกลุ่มน้อยของชนกลุ่มน้อย” ซึ่งคนกลุ่มที่ว่านี้ก็คือคนไนจีเรียและมลายูก็จะถูกกันให้ไปอยู่ในเขตสลัม เมื่อพูดถึงในภาพยนตร์ก็จะเห็นได้ว่าชาวไนจีเรียที่เป็นชนกลุ่มน้อยนั้นจากเดิมที่ถูกกันให้อยู่ในสลัมก็ได้รับการยกระดับ ยกฐานะจากผู้ถูกกดขี่กลายมาเป็นผู้กดขี่ มนุษย์ต่างดาวถูกนำมาทดลอง แม้แต่ชิ้นส่วนอวัยวะก็ถูกนำมาเป็นเครื่องราง
คุณป๊อบกล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเป็นดราม่าโดยเฉพาะช่วงกลางเรื่องที่มีความเห็นอกเห็นใจกันเกิดขึ้นระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาว ช่วงต้นเรื่องมนุษย์ต่างดาวจะเป็นเพียงแค่วัตถุ ทำให้มนุษย์ต่างดาวก่อการจลาจลขึ้นและทำให้รัฐบาลกลางต้องย้ายมนุษย์ต่างดาวไปอยู่เขตอื่น ส่วนในช่วงกลางเรื่องเราจะเริ่มเห็นมนุษย์ต่างดาวมีภาษาพูด
พี่ต้องให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าที่ต้องฉายภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นซาวน์แทรค แล้วให้อ่านซับไตเติ้ลเพราะหากเป็นพากษ์ภาษาไทยจะฟังไม่รู้เรื่องเลย คุณป๊อบให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผู้สร้างประดิษฐ์ภาษาของมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาใหม่เลย ส่วนที่วีคัสและมนุษย์ต่างดาวสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องนั้น พี่ป๊อบเชื่อว่าเป็นเพราะมีพื้นฐานจิตใจของสิ่งมีชีวิตด้วยกัน จึงมีสัมผัสบางอย่างที่สื่อถึงกันได้ แต่ว่าสัมผัสบางอย่างนั้นอาจเป็นเพราะวีคัสกลายสภาพตัวเอง transform ตัวเองจากมนุษย์ไปเป็นมนุษย์ต่างดาวทีละน้อย พี่ต้องเสริมว่าทั้งที่ตอนแรกนั้นวีคัสเหยียดมนุษย์ต่างดาวด้วยซ้ำ
คุณป๊อบกล่าวว่าวีคัสเป็น ผอ.ของโครงการ MNU ต้องลงพื้นที่เองและเมื่อถูกสารเหลวสีดำก็ค่อยๆ กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวทั้งด้านกายภาพและจิตใจ แต่ทั้งนี้ในตอนท้ายของเรื่องนั้นมีฉากหนึ่งคือ ฉากที่ภรรยาของวีคัสได้รับดอกไม้ประดิษฐ์แล้วประทับใจ ทั้งเชื่อว่าวีคัสนำมามอบให้นั้นเป็นจุดเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่าวีคัสยังอยากหวนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
คุณป๊อบกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าวีคัสยังถูกมนุษย์ต่างดาวหลอกใช้ให้ไปเอาของเหลวสีดำมาด้วย แล้วจะผ่าตัดให้กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม สุดท้ายกลับบอกว่าให้รออีกสามปีทั้งที่ไม่ว่าอย่างไรวีคัสก็ไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว เท่ากับว่าเขาถูกมนุษย์ต่างดาวหลอกใช้เพื่อเอาผลประโยชน์
คุณป๊อบกับพี่ต้องสนทนาพูดคุยกับผู้ชมในห้อง
พี่ต้องแสดงความเห็นว่าจากที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอนแรกจะให้ความรู้สึกแปลกๆ แต่พอมีฉากแอ็กชั่นก็ลุ้นสนุกมาก และสุดท้ายเมื่อจบด้วยฉากดอกไม้ดังที่กล่าวมาก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ดีมากไปเลย นอกจากนี้ภรรยาของวีคัสยังมีจานกระดาษที่วีคัสประดิษฐ์ให้อีกเห็นได้จากตอนต้นเรื่อง ส่วนคุณป๊อบแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่าฉากดังกล่าวเป็นส่วนที่ถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนเกิดหรือหลังเกิดเหตุการณ์แล้ว
พี่ต้องกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งส่วนที่เป็นการสัมภาษณ์ เช่น สัมภาษณ์เพื่อนร่วมงานของวีคัส หรือส่วนรายงานข่าวและส่วนที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณป๊อบกล่าวเสริมว่าการทำสารคดีมักจะเกิดก้อน project ขึ้นมาหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้สารคดีแตกต่างจากรายงานข่าวทั่วไป รายงานข่าวจะมีลักษณะแบบปัจจุบันทันด่วน ต้องเร็วไวทันเหตุการณ์ แต่สารคดีเป็นเรื่องที่ข้อเท็จจริงผ่านพ้นไปแล้ว และสามารถหาข้อสรุปได้ ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าแบบ flashback ทำให้เรื่องไม่จำเจ นอกจากนี้ พี่ต้องกล่าวเสริมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีมุมกล้องแบบแปลกๆ ที่ไม่ซ้ำกับภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟเรื่องอื่นด้วย คุณป๊อบให้ความเห็นว่าองค์ประกอบเหล่านี้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับวีคัสนั่นเอง
นอกจากนี้ คุณป๊อบยังตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจว่าชื่อของตัวเองคือวีคัส (Wikas) นั้นออกเสียงคล้ายกับอาหารแมวยี่ห้อวิสกัส (Whiskas) ซึ่งเป็นอาหารที่มนุษย์ต่างดาวนิยมกินและวีคัสก็กินหลังจากติดเชื้อด้วย
พี่ต้องกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่อง District 9 เข้าฉายที่บ้านเราแต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ คุณป๊อบกล่าวเสริมว่าภาพยนตร์ยังถูกตัดออกไปในช่วงแรกถึง15 นาที ซึ่งเป็นส่วนของข่าว ซึ่งคุณป๊อบเห็นว่าเป็นการบิดเบือนเนื้อหาสาระสำคัญของภาพยนตร์อย่างมาก เป็นเพราะอยากร่นเวลาให้เข้าส่วนของดราม่าเร็วๆ
พี่ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ทุนต่ำมากเพียง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ว่าทำเงินทั่วโลกไปเกือบ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คุณป๊อบเสริมว่าทั้งยังมีชื่อเข้าชิงเป็นหนึ่งในสิบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ นอกจากนี้ พี่ต้องเสริมว่านักวิจารณ์จากเว็บต่างๆ ก็ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้สูงมาก
คุณสุพิชัย รังสิยเวคิน ผู้ชมในห้องร่วมแสดงความคิดเห็นว่า ในช่วง 15 นาทีแรกดูแล้วตกใจมากเพราะเหมือนเหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นจริงในโลกของเรา แม้แต่ในบ้านเราก็มีความคล้ายคลึง เช่นเรื่องการไล่ที่คนกลุ่มน้อย เป็นต้น ทำให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเป็นสากลมาก และการบิดเบือนของสื่อในเรื่องก็มีพลังสูงมาก ผู้ชมไม่อาจรู้ความจริงได้เลย
คุณป๊อบแสดงความเห็นว่าแม้แต่ในช่วงท้ายเรื่องก็มีประเด็นการบิดเบือนของสื่ออยู่ คือ ตอนที่วีคัสถูกกล่าวหาว่าไปมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเราที่อยู่ในฐานะผู้เฝ้ามองเรื่องราวทั้งหมดเห็นว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น และสามารถตัดสินได้ว่าสิ่งที่ผ่านสื่อมานั้นบิดเบือน ขึ้นอยู่กับว่าสื่อไหนครอบครองพื้นที่ สามารถครอบงำความเชื่อได้มากกว่า แต่แม้ว่าคุณอาจเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงบางครั้งก็ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมดเพราะคุณเป็นแค่ด้านหนึ่งของข้อเท็จจริง
แม้การชมภาพยนตร์และการเสวนาจะจบลงไปแล้ว แต่เชื่อว่านอกจากอรรถรสจากการชมภาพยนตร์ ผู้ชมคงจะมีสิ่งที่ติดอยู่ในใจอยู่ด้วย นั่นคือการเห็นอกเห็นใจมนุษย์ต่างดาวที่เปรียบได้กับชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ และเราคงจะมองมนุษย์ต่าง (ด้)าวในบ้านเมืองของเราด้วยสายตาว่าเขาก็เป็นมนุษย์เท่าเทียมกับเราเช่นกัน
Chestina Inkgirl
---------------
ข้อมูลอ้างอิงและรูปภาพ
- www.patsonic.com/movie/district-9
- www.oknation.net/blog