คงจะไม่ช้าเกินไปที่จะหยิบเอาเทพนิยายรูปร่างเล่มเกือบเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสมาพูดถึงในมุมที่นักอ่านหลายคนคงคิดคล้ายกัน หากผู้อ่านอยู่ในวัยที่สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้ แต่อีกหลายคนอาจไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น ถ้าหากผู้อ่านเป็นเด็กน้อยวัยสักสิบกว่าปี ‘อิ๊กคาบ็อก’ ก็เป็นเพียงเทพนิยายอีกเรื่องของนักเขียนชื่อดังระดับโลกอย่าง J.K.Rowling เท่านั้นแล้วทำไมอิ๊กคาบ็อกถึงเป็นเทพนิยายที่ไม่ฟั่นเฟือน ทางผู้เขียนเลยอยากให้ทุกท่านลองเปิดใจให้กับหนังสือจำนวน 272 หน้า และท่องไปในโลกของจินตนาการที่ว่าด้วยเรื่องราวของประเทศแดนอุดม อะไรที่ทำให้เทพนิยายเรื่องนี้ไม่ควรหยุดแค่เยาวชนที่ควรอ่าน หากแต่เป็นผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่จะได้อะไรมากกว่าแค่ความเพลิดเพลิน ลองดูสิ่งที่สามารถสังเคราะห์ออกมาได้ แล้วไปหาลองมาหยิบอ่านกัน
(บทความนี้มีการสปอยล์เรื่องราวบางส่วนของหนังสือ)
การปกครองของราชาผู้กล้าหาญ และมีนํ้าใจ?
การถูกจัดอยู่ในหมวดหนังสือเด็กหรือ #เยาวชนอ่าน อาจดูน่าขัดใจอยู่สักนิด คงเป็นเพราะวิธีเล่า เซทของฉาก เรื่องราว ตัวละคร ความแฟนตาซี เมืองในจินตนาการของอิ๊กคาบ็อกล้วนทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงเทพนิยายที่เพ้อฝัน จับต้องไม่ได้ และไม่มีอยู่จริง ทั้งที่จริงแล้ว เนื้อหาภายในเรื่องนั้นถูกสอดแทรกด้วยประเด็นที่เป็นปัจจุบันทั้งสิ้น ยิ่งเมื่ออิ๊กคาบ็อกถูกเปิดเรื่องด้วยการปกครองของราชาเฟร็ดผู้กล้าหาญ ที่พออ่านไปเรื่อยๆ ก็อดตั้งคำถามไม่ได้จริงๆ ว่า เฟร็ดกล้าหาญจริงรึไม่
เฟร็ดคือราชาของแดนอุดม ดินแดนในจินตนาการที่กอปรร่างด้วยเมืองสุราบาน เบคอนธานี เนยนคร แดนทุ่ง และมีชูซ์บุรีเป็นเมืองหลวง ทุกเมืองล้วนมีความสุขอันอุดมตามชื่อของประเทศ จะยกเว้นก็เพียงชาวแดนทุ่งที่ต่างออกไป และทุ่งทางเหนือนี้เองที่มีเรื่องเล่าของอิ๊กคาบ็อก สัตว์ประหลาดที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง
ราชาเฟร็ดเป็นผู้ปกครองที่ต้องการเห็นประชาชนมีความสุขเช่นเดียวกันกับตัวเอง แต่ความหายนะของแดนอุดมคงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะราชาเฟร็ดเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง แทนที่จะเป็นความสุขของประชาชน ทั้งที่เขามักจะถามลอร์ดสปิตเทลเวิร์ท กับลอร์ดฟลาพูน สองลอร์ดผู้เป็นเพื่อนสนิทว่า “ประชาชนยังรักข้าอยู่ใช่รึไม่” และคำตอบที่ได้ก็เป็นเพียงคำโกหกสอพลอจนถึงการจัดฉากเพื่อให้เฟร็ดเชื่อว่าประชาชนยังคงรักเขา …ซึ่งเขาก็เชื่อ
โลกของข่าวลือ ข่าวปลอม Fake News
อิ๊กคาบ็อกเกินเส้นของความเป็นเทพนิยายไปไกลมาก เหมือนเรากำลังอ่านเรื่องดราม่าสักเรื่องในโซเชียลสุดเรียล แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกตัวว่า อ้าว นี่มันเทพนิยายของเด็กนะ แต่ทำไมมันถึงได้ดูปัจจุบันขนาดนี้ได้
ในอิ๊กคาบ็อกเต็มไปด้วยการปล่อยข่าวปลอม ข่าวลือ ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของความหายนะในประเทศแดนอุดมล้วนเกิดจากข่าวปลอม เราจะได้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า ข่าวปลอมนั้นมีพลัง สามารถเปลี่ยนโลก (ประเทศ) ได้เลย แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังมีพลเมืองบางเมืองในแดนอุดมที่พอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง พวกเขามีส่วนที่ทําให้สถานการณ์คลี่คลาย เพียงแค่รู้จักการไตร่ตรอง สังเกต คิดถึงเหตุและผล ความเป็นไปได้ของสิ่งที่เจอ เป็นต้นว่า ‘ทําไมอิ๊กคาบ็อกถึงมีขาข้างเดียว’ ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ที่ทําให้ตัวการของเรื่องอย่างลอร์ดสปิตเทลเวิร์ทนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะเขานี่แหละ คนที่บอกว่าสัตว์ประหลาดน่ากลัวอย่างอิ๊กพาบ็อกมีอยู่จริง
อํานาจคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ..คนมีทองคํา (เงินตรา) ก็เช่นกัน
เหมือนจะเป็นอีกประเด็นใหญ่ที่ถูกสะท้อนออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาในอิ๊กคาบ็อก แม้เฟร็ดผู้เป็นราชาจะมีอํานาจมากพอจะออกคําสั่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ (เสื้อผ้า อาหาร ความสะดวกสบาย ฯลฯ) แต่บุคคลที่ใช้อํานาจ (ในทางที่ผิด) ที่แท้จริง กลับเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมด นั่นก็คือลอร์ดสปิตเทลเวิร์ท เขาอาศัยความเป็นลอร์ดคนสนิท และพ่วงตําแหน่งการเป็นที่ปรึกษาของราชา รวมถึงการใช้ทองคําที่มี ในการควบคุมทหารและพลเมือง (ที่เป็นอุปสรรคด้วยการจับขังคุกใต้ดิน) ให้สมคบคิดสร้างความเลวร้ายให้กับแดนอุดม
ทําไมลอร์ดผู้สูงส่งต้องทำให้ประเทศที่ตัวเองอาศัยอยู่ตกตํ่า เปลี่ยนประเทศแสนสุขให้กลายเป็นดินแดนนรก คําตอบก็คือเพราะ ‘ความโลภ’ แม้ลอร์ดสปิตเทลเวิร์ทจะรํ่ารวย (ด้วยความเป็นลอร์ดอยู่แล้ว) แต่กลับไม่รู้จักความพอดี เขาสร้างอุบายมากมายเพื่อให้ได้ทองคําจากภาษีที่เรียกเก็บจากพลเมืองแดนอุดม โดยการบิดเบือนการรับรู้เรื่องการมีอยู่จริงของอิ๊กคาบ็อก แม้กระทั่งตัวของราชาเฟร็ดเองก็เช่นกัน..ที่ถูกหลอก
ทุกคนในบ้านคือหัวใจของความเป็นครอบครัว
อีกประเด็นที่โดดเด่นไม่แพ้ความร้อนแรงของหัวข้อที่ผ่านมาในอิ๊กคาบ็อกก็คือความรักของคนในครอบครัว อาจเพราะเป็นเทพนิยายที่ขายเยาวชน หรืออาจจะเพราะความเป็นแม่คนของคุณแม่ เจ.เค. ก็ได้ ที่ทําให้กลิ่นอายของอิ๊กคาบ็อกถูกนําเสนอความเป็นครอบครัวออกมาได้อย่างอบอุ่น การใส่ใจในรายละเอียดของลูก ของพ่อและแม่แต่ละครอบครัว หรือการที่ลูกมองพ่อและแม่ของตัวเป็นไอดอลและอยากเจริญรอยตาม ถูกร้อยเรียงทําให้ผู้อ่านอบอุ่นและซาบซึ้งใจในความรักที่มีให้กัน สายสัมพันธ์ในครอบครัวคือสิ่งลํ้าค่า ขณะที่ก็บีบคั้นหัวใจยามที่มีใครต้องตายจากไปเช่นกัน และเพราะความรัก ความศรัทธา และความหวังในคนที่รัก ทำให้เหล่าเด็กๆ ผู้หาญกล้าสามารถเผชิญปัญหา และทำเรื่องยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งมันเป็นพลังสําคัญของการ ‘เปลี่ยน’ โลกใบนี้
มิตรภาพของคําว่าเพื่อน
อย่างที่กล่าวถึงไปบ้างแล้ว แต่คุณอาจยังไม่รู้ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสือ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าเด็กๆ อย่างเดซี โดฟเทล กับ เบิร์ต บีมิช นั้นอยู่ในรูปแบบไหน เดซีกับเบิร์ตเป็นเพื่อนสนิทกัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของทั้งคู่ พวกเขาเคยอยู่บ้านติดกันในเขตเมืองในเมือง แต่แล้วจู่ๆ บ้านของเดซีก็ถูกสั่งย้ายให้อยู่ไกลออกไป ความสัมพันธ์เริ่มเจือจาง และเพราะความเห็นต่าง ทำให้มิตรภาพระหว่างพวกเขาแทบจะขาดไม่เหลือสายใย แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน ทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันในวันที่โหดร้ายที่สุดของชีวิต และคิดได้ว่าพวกเขารักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน การมีเพื่อนที่รักคือสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจได้มีประสิทธิภาพที่สุดไม่ต่างจากคนในครอบครัว และนั่นทําให้เกิดแรงบวกพร้อมต่อสู้กับทุกสิ่ง จนกลายเป็นแสงสว่างให้กับแดนอุดมที่ใกล้ล่มสลายเต็มที
ปัญหายังมีหนทางให้เอาชนะ ถ้าร่วมมือกัน
การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องพร้อมกับการร่วมใจแสดงออกซึ่งการต่อต้าน ขัดขืน และต่อสู้กับความอยุติธรรมคือทางออกของเรื่องนี้
เราจะได้เห็นความพยายามของพลเมืองที่ตาสว่างพากันเดินขบวนเพื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดในวงกว้าง ให้ตายเถอะ! นี่มันมิติคู่ขนานชัดๆ ซึ่งในบทสรุปสุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยเช่นใด เชิญติดตามต่อได้ในหนังสือ
อย่าเพิ่งนึกตำหนิที่ผู้เขียนไม่ยอมสปอยล์ต่อ เพราะความตั้งใจอันแรงกล้าที่ต่อบทเขียนนี้ก็คือ การเพิ่มยอดอ่านของอิ๊กคาบ็อกในคนที่จะบอกว่า ..โตแล้วใครเขาอ่านเทพนิยายกัน เพราะผู้เขียนคนหนึ่งล่ะที่โตเกินกว่าวัยเทพนิยายจะนำพา แต่ขอการันตีว่า อ่านแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงคิดว่า อิ๊กคาบ็อกใช่เทพนิยายจริงหรือ..
อิ๊กคาบ็อกอาจเป็นเทพนิยายที่คู่ควรให้เยาวชนหยิบอ่าน แต่หากถามในมุมของผู้เขียนแล้ว อิ๊กคาบ็อกคือหนังสืออีกเล่มที่ไม่ควรถูกแปะป้ายว่าเด็กเท่านั้นถึงสมควรได้อ่าน ลองเปิดใจและเปิดอ่าน รับรองว่า ขอแค่อีกหน้าแล้วจะนอน..ไม่มีอยู่จริง สุดท้ายในสุดท้าย หากอยากลองอ่าน สามารถยืม และอ่านได้ที่ TK Park มีทั้งในเวอร์ชันภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพียงแค่เป็นสมาชิก ก็สามารเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านลอร์ดสปิตเทลเวิร์ท และช่วยแดนอุดมได้แล้ว