
นับเป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) แบรนด์ของเล่นไม้ฝีมือคนไทยได้เริ่มลงมือผลิตของเล่นชิ้นแรกขึ้นใต้แนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ของเล่นทั่วไป ณ เวลานั้น คือการผลิตของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเล่นสนุกได้โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ PlanToys เป็นมากกว่าแบรนด์ของเล่นทั่วไป

“เล่นแบบรักษ์โลก”
หากเปรียบเป็นตัวบุคคล ปีนี้ PlanToys เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ย้อนกลับไปในปี 2524 แบรนด์ของเล่นเล็กๆ แบรนด์หนึ่งก่อตั้งขึ้นจากจุดมุ่งหมายเดียวกันของกลุ่มคนจากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อยากทำธุรกิจเพื่อให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้
“แปลนทอยส์เริ่มมาจากการที่ผู้ก่อตั้งอยากทำอะไรดีๆ คืนให้แก่สังคม” คุณโกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จำกัด เล่าถึงที่มาของแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ
“ธุรกิจแรกของเราคือการเปิดโรงเรียนอนุบาลในเครือรักลูก (ปัจจุบันคือโรงเรียนรุ่งอรุณ) เมื่อเรามีโรงเรียนแล้ว ก็คิดต่อไปอีกว่า เราน่าจะออกแบบสื่อการเรียนการสอนอย่างพวกของเล่นได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มทำของเล่นขึ้นมาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่ว่าของเล่นของเราต้องไม่เบียดเบียดสิ่งแวดล้อม
“ประจวบกับในตอนนั้น ภาคใต้ของเรามีธุรกิจทำไม้ยางพาราเยอะมากครับ เราคิดว่าน่าจะลองหยิบวัสดุท้องถิ่นมาใช้ แปลนทอยส์จึงเป็นแบรนด์แรกของโลกที่นำไม้ยางพาราเหลือใช้จากอุตสาหกรรมยางมารีไซเคิลทำเป็นของเล่น เพราะในความเป็นจริง เมื่อต้นยางอายุ 25 ปีจะไม่สามารถผลิตน้ำยางได้อีก ต้องตัดโค่นทิ้งเพื่อปลูกใหม่ เราจึงนำไม้ยางมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ”
นอกจากนี้ PlanToys ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) อย่างเต็มเปี่ยม ทุกขั้นตอนของการทำของเล่นแต่ละชิ้นล้วนผ่านกระบวนการคิดอย่างละเอียดลออ ไม่ว่าจะเป็นการนำไม้ผ่านความร้อนจากเตาเผาเพื่อขจัดความชื้นของไม้โดยไม่ใช้สารเคมี ใช้กาว e-Zero ที่ผ่านการรับรองว่าไม่เป็นอันตราย ใช้ผงสีออร์แกนิกที่ปลอดภัยต่อเด็กๆ รวมถึงใช้น้ำหมึกจากต้นพืชสำหรับงานพิมพ์ที่สามารถย่อยสลายได้ดีกว่าหมึกธรรมดาจนมาเป็นของเล่นสุดรักของเด็กๆ ในหลายประเทศทั่วโลก
“เล่นสนุกอย่างสมวัย”
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ PlanToys คือการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ ของเล่นทุกชิ้นต้องปลอดภัยและส่งเสริมพัฒนาทางร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ผ่านการดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่ฉูดฉาด ในขณะเดียวกันก็มีความร่วมสมัย หยิบจับมาเล่นเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ
“จุดเด่นของเราคือการดีไซน์ที่เน้นเรื่อง Simplicity เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนครับ เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นคาแรกเตอร์ เน้นความเรียบง่ายแต่โมเดิร์น รวมถึงไม่นำเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้เลย เพราะเราเชื่อในเรื่องพัฒนาการ อยากให้เด็กๆ ใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องชี้นำ”
ของเล่นทุกคอลเลคชันจึงสื่อสารออกมาได้อย่างเรียบง่ายและเหมาะกับเด็กๆ แต่ละช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ 6 ขวบ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ อาทิ เด็กเล็กช่วงอายุ 0-6 เดือนเหมาะกับของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็น การเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อ กระตุ้นประสาทสัมผัส อย่าง “กุญแจกุ๊งกิ๊ง” พวงกุญแจแสนสนุกที่จะเกิดเสียงเมื่อกระทบกัน หรือจะเป็น “ของเล่นไม้ทรงกลมพัฒนาการด้านประสาทสัมผัส” ชุดของเล่นไม้หน้าตาใจดีเหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทั้งการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส และช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กได้ ส่วนน้องๆ ที่โตกว่านั้นก็มีชุดทำคัพเค้ก,บ้านตุ๊กตา,กล่องเคาะจังหวะ,ชุดกระเป๋าคุณหมอ ฯลฯ ที่จะมาช่วยเติมเต็มจินตนาการได้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่เราสัมผัสได้คือในยุคนี้ คุณพ่อคุณแม่หันมาให้ความสำคัญกับของเล่นไม้มากขึ้น อย่างเมื่อ 5 ปีก่อนเราพบว่าเทรนด์สีพาสเทลกำลังมา เลยลองออกแบบของเล่นที่มีความ Decorative มีสีพาสเทลนิดๆ ปรากฏว่าขายดีมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่เองก็อยากได้ของเล่นที่กลมกลืนไปกับบ้านด้วย ส่วนในปีที่แล้วเราออกคอลเลคชั่นสีออร์ชาร์ด ซึ่งได้การตอบรับที่ดีเช่นกันครับ ตอนนี้เราจึงพยายามนำเทรนด์เข้ามาประยุกต์ในการออกแบบด้วย”
“เล่นอย่างยั่งยืน”
จริงอยู่ที่ PlanToys นั้นเดินทางโลดแล่นไปในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งยุโรปและอเมริกา แต่ในฐานะของผู้ผลิตของเล่นฝีมือคนไทย สิ่งที่เป็นหมุดหมายสำคัญของพวกเขาที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปคือการอยากเห็นเด็กไทยได้เข้าถึงของเล่นดีๆ ได้อย่างเท่าเทียม
“ก่อนหน้านี้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา พอกลับมาที่ไทยก็เริ่มคิดว่า ทำไมคนไทยเองยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเล่นเท่าที่ควร หรือว่าที่จริงแล้วยังเข้าไปไม่ถึงผู้บริโภคกันแน่ เราก็เลยเริ่มสำรวจ และเริ่มทำนิทรรศการร่วมกับจุฬาฯ เนรมิตพื้นที่ให้เป็นกลายเป็นป่าแหงการเล่น ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ด้วยความที่เราเป็นบริษัท Eco-friendly อยู่แล้ว เลยลองให้ดีไซเนอร์ไปอยู่ที่โรงงาน 2 อาทิตย์ ให้เขาไปดูว่าเรายังมีเศษวัสดุในโรงงานชิ้นไหนที่ไม่ได้ใช้แล้วสามารถนำมาทำเป็นของเล่นได้บ้าง ซึ่งนิทรรศการครั้งนั้นได้รับการตอบรับที่ดีมาก

“หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมาอีกหลายที่ครับ แต่เรายังไม่พร้อมด้วยหลายปัจจัย จนท้ายที่สุด เราตัดสินใจทำพื้นที่ของโรงเรียนอนุบาลเก่าให้เป็นพื้นที่แห่งการเล่น มีทั้งหมด 3 ชั้น เปิดได้เพียงปีกว่าก็เจอกับโควิด-19 จึงต้องปิดตัวชั่วคราว ทางทีมเลยคิดกันว่าในเมื่อเด็กๆ มาหาเราไม่ได้ เราออกไปหาเด็กๆ เองดีกว่า เกิดเป็น Toy Library เรานำของเล่นประมาณ 400 ชิ้นมาจัดเป็นเซ็ตให้เด็กๆ ได้ยืมเล่น จนเมื่อเจอกับโควิดรอบที่สองก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีภาคี ซึ่ง TK Park เองมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับองค์ความรู้เรื่องหนังสืออยู่แล้ว ทางทีมก็เลยได้ชักชวนไป เป็นที่มาของการทำโปรเจกต์นี้ร่วมกัน”
สิ่งที่เด็กๆ จะได้จาก Toy Library คือการได้ยืมของเล่นควบคู่กับหนังสือที่เหมาะกับของชิ้นนั้นผ่านระบบสมาชิก ซึ่งในแต่ละเซ็ตถูกออกแบบและดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการเด็ก พร้อมด้วยคู่มือเล็กๆ ประกอบการเล่นเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ร่วมสนุกไปด้วย
ก่อนจบบทสนทนา เราถามถึงความคาดหวังต่อจากนี้ในฐานะคนทำของเล่น คุณโกสินทร์ทิ้งท้ายไว้ว่าเขาและทีมงานยังมีภาพใหญ่ที่อยากทำให้สำเร็จในเร็ววัน
“ก่อนหน้านี้เรามีความคิดอยากทำ Play Space ให้เด็กๆ ทั่วประเทศได้มาเล่น อาจย้ายไปเรื่อยๆ ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งทาง TK Park เองก็มีศักยภาพและมีเครือข่ายตามต่างจังหวัดอยู่แล้ว เราคิดว่าถ้าโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ ในอนาคตเราน่าจะได้นำองค์ความรู้ในเรื่องการเล่นไปสู่เด็กไทยในชนบท เข้าไปในพื้นที่ที่เด็กๆ อาจจะไม่มีโอกาสเข้าถึงเหมือนคนเมืองบ้าง
“เพราะหน้าที่หลักของเด็กๆ คือการได้เล่นสนุก”
ขอขอบคุณ : คุณโกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จำกัด
www.plantoys.com