ว่ากันว่าความสุขของคนเราไม่ต้องไปหาจากไหนไกล หนังสือดีๆ สักเล่ม เพลงเพราะๆ สักเพลง แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้ามีหนังสือดีๆ เป็นร้อย เพลงเพราะๆ เป็นสิบ แถมยังมีเพื่อนเคมีเดียวกันแล้วด้วยล่ะก็ คิดดูว่าจะมีความสุขขนาดไหน
ความสุขแบบนี้ นิตยสาร happening จัดมาให้อีกครั้งใน “happening book party 2014” กิจกรรมดี ปีละหน ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 และยังคงคอนเซปต์ “หนังสือดี ดนตรีไพเราะ” โดยได้รวบรวมหนังสือจากสำนักพิมพ์มากมาย มา “ลด” “แลก” “แจก” แถมยังมีดนตรีเพราะๆ จากศิลปินคุณภาพ และบทสนทนาที่สร้างความสนุกสนานและแรงบันดาลใจ ของนักร้องนักเขียนที่คุ้นเคย โดยในปีนี้นิตยสาร happening ได้ร่วมมือกับอุทยานการเรียนรู้ TK park เปิดลานสานฝันให้ได้ฟังเพลง และเปลี่ยนห้องมินิเธียเตอร์ให้กลายเป็นตลาดหนังสือดีราคาถูก ในวันเสาร์ที่ 19 – วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่บ่ายโมงถึงสองทุ่ม
สำหรับวันเสาร์ happening เอาความสุขมาให้ 3 กล่องใหญ่ มาไล่ดูทีละกล่องเลยละกัน
กล่องที่ 1 หนังสือดีๆ
เพียงแค่เดินเข้ามาในงาน ก็จะเห็นหนังสือดีๆ ทั้งหนังสือใหม่และ หนังสือเก่า จากสำนักพิมพ์มากมาย อย่าง สำนักพิมพ์ a book Publishing , openbooks , Fullstop Book , Salmon Books & Bunbooks, let's comic ที่มาวางขายกันอยู่รอบลานสานฝัน แค่นั้นยังไม่พอ เดินต่อเข้าไปที่ห้องมินิเธียเตอร์ 1-2 ก็จะเจอกับตลาดหนังสือที่ลดราคาอีกนับสิบร้าน งานนี้เขาเอาหนังสือมา “ลด แลก แจก” กันแบบคุ้มค่า
“ลด” กระหน่ำราคาหนังสือที่เริ่มเต้นแค่เล่มละ 10 บาท และยังมีอีกหลายสำนักพิมพ์ที่ขนมาขายแบบล้างสต็อก หรือใครมีหนังสือที่ไม่อ่านแล้วพกมาด้วย ก็นำมา
“แลก” เล่มใหม่ที่มีคนเอามาแลกเปลี่ยนกันในงานนี้ (และไม่ต้องห่วงว่าหนังสือเหลือแล้วไปไหน เพราะถ้ามีหนังสือเหลือ ก็จะนำไปบริจาคให้ร้านปันกัน ของมูลนิธิยุวพัฒน์ และเรื่องดีๆ ปิดท้ายในโซนนี้ คือ “แจก” ฟรี หนังสือ happening ฉบับแจกฟรีทุกเล่มที่เหลือในออฟฟิศ ตั้งแต่ปกแรกๆ แถมยังมีพ็อกเก็ตบุ๊กดีๆ อีกหลายเล่มให้มาหยิบไปฟรีๆ ได้เลยใส่รูป 004-005
กล่องที่ 2 ดนตรีเพราะๆ
เดินดูหนังสือแล้วเมื่อยขา แวะมานั่งฟังเพลงเพราะๆ ที่เล่นสดกันให้ฟัง จากวงดนตรีคุณภาพที่นิตยสาร happening จัดมาให้แบบไม่ต้องไปเสียเงินซื้อบัตรคอนเสิร์ต แถมยังได้นั่งฟังเพลงแบบใกล้ชิดศิลปิน หรือจะไปขอ Selfie หลังไมค์ก็ยังได้
เริ่มต้นด้วย “The Parkinson” วงดนตรีเสียงมีสไตล์ ที่มาเปิดเวทีวันเสาร์ให้ได้ขนลุกด้วยน้ำเสียงทรงพลัง ด้วยบทเพลงฮิตคุ้นหูอย่าง “เท่ากับที่เดิม” ของโป้ โยคี เพลย์บอย “If I ain’t got you” ของ Alicia Keys และเพลงแนวแอบรัก ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลใหม่ของวงอย่างเพลง “จะบอกว่ารักเธอ” ตามด้วย “Fellow Fellow” คู่ดูโอที่เอาเพลงฮิตอย่าง “อย่าใช้ความเงียบมาคุยกัน” และเพลงซิงเกิ้ลล่าสุด คือ “สัญญาฉบับสุดท้าย” มาร้องให้ได้ฟังกันสดๆ แถมด้วยเพลงรักตลอดกาลอย่าง “ข้อความ” ของวงพอส
ไฮไลท์ของกล่องนี้ คือนักร้องนักแต่งเพลงที่ทุกคนรอคอยกันแน่นลานสานฝัน อย่าง “บอย ตรัย ภูมิรัตน” ที่นำเพลงฮิตตั้งแต่อดีตจนถึงผลงานเพลงล่าสุดมาขับร้อง อย่าง “พื้นที่เล็กๆ” “ผูกพัน” “ความลับ” มาให้ฮัมเพลงพร้อมๆ กันกับบอย ตรัย ตามมาด้วย “แป้งโกะ” นักร้องเสียงร้องน่ารัก ที่นำเพลงหวานๆ อย่าง “โปสการ์ด” “เดียวดายและแสงดาว” “เธอคือของขวัญ” มาปิดท้ายกล่องความสุขจากดนตรีในงานครั้งนี้
กล่องที่ 3 บทสนทนาเพลินๆ
นอกจากหนังสือดีๆ ดนตรีเพราะๆ ตามคอนเซปต์ของงานแล้ว อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในงาน happening book party คือการพูดคุยกับนักเขียน นักร้อง คนสร้างความสุขจากตัวหนังสือและตัวโน้ต ในวันนี้ เราได้ฟังบทสนทนาสนุกๆ และสร้างแรงบันดาลใจ ของ 6 ศิลปิน จาก 5 หัวข้อ
จ้อย นรา กับ “ภาพยนตร์ หนังสือ ดนตรี ที่อยู่ในใจเสมอ”
เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับ “จ้อย นรา” เจ้าของคอลัมน์ always on my mind ในหัวข้อภาพยนตร์ หนังสือ และดนตรี ที่อยู่ในใจของนักเขียนนักวิจารณ์รุ่นเก๋าคนนี้ เราได้คำตอบที่น่าสนใจสำหรับสิ่งที่อยู่ในใจของจ้อย นรา แบบเสมอนั้นไม่มี เขาให้มุมมองว่าสิ่งที่อยู่ในใจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
“ไม่ว่าจะเป็นหนัง หนังสือ หรือว่าเพลง มันไม่มีอะไรที่อยู่ในใจตลอด แต่มันจะอยู่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกร่วมและช่วงเวลา หนังบางเรื่องที่เราชอบตอนเด็ก กลับมาดูตอนโตเราอาจไม่ชอบแล้วก็ได้ มันเลยเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ”
และเขาได้ทิ้งท้ายว่าไม่ว่าจะภาพยนตร์ หนังสือ หรือดนตรี ต่างก็มีเสน่ห์แห่งศิลปะ ที่คอยปลอบประโลมใจ ให้แง่คิด หรืออาจเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปเลยได้ ศิลปะเหล่านี้จึงมีคุณค่าที่ควรจะอยู่ในใจของทุกคน
“มันไม่ง่าย กว่าจะเป็น Not Easy Being Me” ของ นพพันธ์
นอกจากผลงานเขียนเรื่อง Not Easy Being Me ของนพพันธ์ จะมาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ เขายังมาร่วมพูดคุยว่ามันไม่ง่ายเลย กว่าจะออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม นพพันธ์เล่าถึงหนังสือเล่มนี้ ที่ได้รวบรวมและเขียนเพิ่มเติมจากคอลัมน์ยอดฮิตใน happening เนื้อหาเล่าเรื่องชีวิตของตัวตลกที่ไม่ตลก แต่ถ้าใครเผลอตลก เขาบอกว่าอาจเป็นการขำแบบที่มีน้ำตาซึมๆ อยู่ด้วยเล็กน้อย
นพพันธ์ได้ใช้วิธีการเขียนโดยผสมผสานการเล่าแบบ คอมมิกกับมุขเสียดสีแบบละครเวทีของเขา ผสมเรื่องแต่งเข้ากับประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง จนกลายเป็นงานการ์ตูนสองภาษา (ไทย-อังกฤษ) แล้วอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ หรือสักเล่มหนึ่ง เขาตอบว่า
“แรงบันดาลใจจะมาจากหลายๆ อย่างรอบตัว เกิดจากการสังเกตผสมกับความบังเอิญ ที่เราจะต้องเอามาทำต่อออกมาเป็นผลงาน อย่างเรื่องนี้กว่าจะได้มาเราก็ใช้แรงมุมมองหลายอย่าง ว่าการเป็นคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปหรอกที่จะทำความเข้าใจ”
บอย ตรัย ภูมิรัตน กับมุมมอง “อ่านร้อง อ่านเล่น กับบอยตรัย”
การเข้าไปชมคอนเสิร์ตของบอยตรัย ยังง่ายกว่าการได้ฟังเขาพูดคุยแบบสดๆ แต่ในงานครั้งนี้ เราได้ทั้งฟังเสียงเพลงและสิ่งที่อยู่ในใจของเขา ผ่านการพูดคุยในหัวข้อ “อ่านร้อง อ่านเล่น กับบอยตรัย” เพื่อจะได้เห็นอีกด้านหนึ่งของนักร้อง นักแต่งเพลงคุณภาพที่มีแฟนคลับติดตามผลงานมาให้กำลังใจเต็มพื้นที่ลานสานฝัน
บอยเล่าให้เราฟังว่า การแต่งเพลงของเขามีพื้นฐานมาจากการอ่าน และเขาเองก็เป็นคนที่อ่านหนังสือทุกประเภท โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูน เขามองว่าการอ่านไม่จำเป็นต้องเอาสาระก็ได้ อ่านเพื่อความบันเทิง อ่านเพื่อความสนุก แล้วถ้าจะให้มีสาระ มันก็จะมีขึ้นมาตอนที่เราหยิบไปใช้ อย่างเช่นการที่เขานำไปแต่งเป็นเพลง
“ยิ่งอ่าน ยิ่งดี คนที่ไม่อ่านหนังสือจะเสียเปรียบคนที่อ่านนะ เพราะเขาก็จะไม่รู้เท่ากับอีกคนหนึ่ง ผมว่าหนังสือสำคัญมาก เพราะเป็นพื้นที่ของจินตนาการ การอ่านตัวหนังสือแล้วสร้างมันขึ้นมาเป็นภาพได้ มันทำให้เราได้ใช้ความคิด..ผมว่ามันเจ๋ง”
Sahred Toy + Art Jeeno กับเรื่องราว “คู่หูตะลุยโตเกียว”
เมื่อเอ่ยชื่อสองหนุ่ม “ต๊อด - Sahred Toy” กับ “Art Jeeno” เราจะนึกถึงลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองคน และผลงานหนังสือเน้นภาพเล่าเรื่อง อย่าง “Tokyo Diary โตเกียว จุด จุด” ของ ต๊อด และ “Act – Art” ของ อาร์ต ที่ตอนนี้ทั้งคู่ได้รับโจทย์ใหม่ให้ไปญี่ปุ่นและเล่าเรื่องราวในมุมมองของพวกเขา ในวันนี้ทั้งสองคนมาร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ทะลุโตเกียว 14 วัน ในมุมมองของนักเดินทางไปเพื่อเขียนหนังสือว่า เป็นการมองที่ละเอียดมากขึ้น สังเกตทุกอย่าง จึงเป็นการทะลุโตเกียวแบบแตกต่างไปอีกแบบ แต่นั่นก็ทำให้เขาได้มองโตเกียวแบบทะลุมากยิ่งขึ้น
“10 ปีนิ้วกลม ความฝัน ความรัก ความสุข ความคิด” กับนักเขียนมากฝีมือ.. นิ้วกลม
เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “นิ้วกลม” นักเขียนเจ้าของฉายา “ณเดชน์แห่งวงการนักเขียน” ที่ปีนี้เป็นปีที่ 10 ในเส้นทางสายวรรณกรรมของเขาแล้ว ในวันนี้นิ้วกลมมาร่วมพูดคุยถึงเส้นทางงานเขียนของเขา จากจุดเริ่มต้นที่อยากเขียนก็ลองเขียน และไม่ปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาหา จนทำให้เขาได้มีผลงานตีพิมพ์เล่มแรก “โตเกียวไม่มีขา” ที่สร้างชื่อเสียง และผลงานเขียนทั้งแนวเดิม แนวทดลองออกมามากมาย ช่วยเบิกเส้นทางใหม่ๆ ให้เขาได้ออกไปลองทำ เช่น พิธีกรรายการพื้นที่ชีวิต วัฒนธรรมชุบแป้งทอด มาจนถึงการมีสำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง
ข้อความด้านบนทั้งหมดคือเส้นทางของนิ้วกลมตลอด 10 ปี ที่มีเรื่องราวของความฝัน ความรัก ความสุข และความคิด ที่เราย่อให้เหลือเพียงไม่กี่บรรทัด (ถ้าใครอยากรู้ฉบับเต็ม รอติดตามผลงานเล่มใหม่ของนิ้วกลม เร็วๆ นี้) เมื่อพิธีกรถามเขาว่า ถ้ามีคนถามว่าอยากเป็นนักเขียนแบบพี่ต้องทำอย่างไร เป็นคำถามสุดคลาสสิกที่นักเขียนมีชื่อทุกคนต้องเจอ สำหรับนิ้วกลม คำตอบของเขาที่อยากจะบอกทุกคนคือ
“อยากเป็นนักเขียน ไม่ใช่เขียนอะไรก็ได้ ต้องรู้ก่อนว่าเราอยากเขียนอะไร รู้จักรูปแบบของการเขียนแนวนั้น แล้วลองเขียนแบบมีเป้าหมาย จะทำให้เราเขียนงานออกมาได้ดี”
นอกจากกล่องความสุข 3 กล่องใหญ่ ที่ happening book party 2014 คืนให้กับผู้อ่านแล้ว ยังมีกล่องความสุขเล็กๆ อีกมากมายในงาน อย่างกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้มีภาพตัวเองจากฝีมือของนักวาดภาพชื่อดัง อย่าง “ต๊อด - Sahred Toy” “Art Jeeno” การได้พบกับเพื่อนคอหนังสือคอเพลงเดียวกัน และยังได้ใกล้ชิดศิลปินที่ชื่นชอบ
พี่ตองก้า