ชวนมารู้จักวง Temp. เพลงป๊อปรสชาติใหม่
Temp. คือวงดนตรีที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อน ประกอบไปด้วย 5 สมาชิกหนุ่ม ได้แก่ นิค-ธาฤทธิ์ เจียรกุล (ร้องนำและแต่งเพลง), น็อต-วรงค์ ราชปรีชา (เบส) จากวง Jofax, แปม-ธีรวุฒิ อิทธิวุฒิ (กลอง) จากวง Summer Dress, แดน-อัครเดช สารอินทร์ (ทรัมเป็ต) จากวง Jinda John และ อุณ-คีตา วังขจรวุฒิศักดิ์ (กีตาร์) จากวง electric.neon.lamp กับ Part Time Musicians
และในกิจกรรม TK park music Ed ที่จัดขึ้นโดย อุทยานการเรียนรู้ TK park ครั้งนี้ จะพาคุณไปรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น ภายใต้การทำวงดนตรีที่ประกาศว่าตนเองทำ ดนตรี 'ป๊อป' แต่เพลงป๊อปของพวกเขานั้นมีมิติกว่าเพลงป๊อปทั่วๆ ไป และมีคำร้องภาษาอังกฤษเนื้อหาโรแมนติก ทำให้คนฟังผ่อนคลายและเคลิ้มตามได้ไม่ยาก
จุดเริ่มต้นของวง Temp. มาจากกลุ่มเพื่อน 5 คน ที่ได้ข้องเกี่ยวกันในการทำงานเพลง มีความถูกคอ ต้องใจ ไลฟ์สไตล์ใกล้ๆ กัน จนได้ตั้งวงเพื่อเล่นดนตรีแนวป๊อป แนวที่ตนเองถนัด พร้อมกับตั้งชื่อวงขึ้นจากคอนเซปต์สนุกๆ เพื่อล้อวงที่หนึ่งสมาชิกเคยอยู่ นั่นก็คือ ล้อชื่อวง Part Time Musicians จนกลายเป็น Temp (Temporary) ที่แปลว่าชั่วคราว กับอีกหนึ่งความหมายคืออุณหภูมิ (Temperature)
“เจตนาแรกที่ทำเพลงป๊อป เพราะโดยพื้นฐานเราเป็นคนชอบเพลงป๊อป พอเป็น Temp. เราก็พยายามหาชื่อเรียกเพลงป๊อปของเรา จนได้ชื่อเรียกว่า Tropical Pop มีความชิลล์ๆ ฟังแล้วอยากไปทะเล ไอเดียง่ายๆ เป็นอย่างนั้น พวกเราอยากให้ซาวด์ดนตรีทุกอย่างที่จะได้ยิน คนฟังเขาสัมผัสได้ว่ามันมาจากเรา” นิค-ธาฤทธิ์ เล่าถึงแนวเพลงของวงที่ต้องการให้บรรยากาศถึงประเทศโซนร้อน
ส่วนเพลงของวง ตั้งแต่ Moonshine แทร็กแรกน่ารักๆ ที่ยึดชาร์ตอันดับ 1 ของ Cat Radio ไปครองหลายสัปดาห์ หรือจะเป็น Motel California ไปจนถึง Adult Video และ Party's Over ทั้งหมด 4 เพลงนี้ น็อต-วรงค์ เล่าว่า “ถ้าถามถึงวิธีการทำงาน ไอเดียเพลงทั้งหมดจะเริ่มต้นจากนิค เพราะนิคเป็นคนเขียนเพลง พอนิคเจอเรื่องที่ใช่ เขาก็จะไปทำการบ้านมา พอได้เนื้อเพลง พวกเราก็จะเข้าไปในห้องซ้อมกัน แต่ตอนปรับเพลง เราจะมาแก้กันตอนโพสโปรดักชั่น จะมาคลุกอยู่ด้วยกันค่อนข้างนานเหมือนกัน”
และหากย้อนกลับไป ก่อนจะเกิดเป็นเพลงให้กับวงอย่างเต็มรูปแบบ นิค นักร้องนำและนักแต่งเพลง ได้ไปร่ำเรียนวิชาเขียนเพลงที่ต่างประเทศ และได้นำกลับมาใช้ระหว่างทำวง Temp ด้วย โดยเขาเล่าให้ฟังว่า “ถ้าถามว่าได้ประสบการณ์มาทำวงไหม ได้เยอะด้วย แต่ว่าก่อนไปเรียนเมืองนอก เรามีความเข้าใจและเชื่อบางอย่างว่าฝรั่งเก่งเหลือเกิน แต่พอได้ไปเรียน ได้ไปอยู่กับเพื่อนรุ่นใกล้ๆ กัน ก็รู้สึกว่า จริงๆ คนก็คือคน ถ้าเกิดคุณขยัน คุณก็จะเก่ง แล้วอีกอย่างโลกศิลปะของประเทศเขาไปไกลมาก เขาให้ค่ากับงานด้านสมองมาก ซึ่งก็ทำให้รู้สึกดีที่เดินไปทางไหนก็เห็นงานศิลปะ เพราะเราเป็นคนเอาแรงบันดาลใจจากงานศิลปะหลายแขนงมาใช้กับงานอยู่แล้ว”
นอกจากวิชาที่ร่ำเรียนมา และเบื้องหลังคำร้องภาษาอังกฤษแสนอบอุ่นจากไอเดียของนิค ในเรื่องดนตรีของวงก็ไม่ธรรมดา เพราะรับประกันฝีมือของแต่ละคนที่โชกโชนมานานปี จนกลายเป็นเพลงป๊อปที่แฝงด้วยกลิ่นอายเรโทร บวกกับคาแรคเตอร์กวนๆ ของวง ก็ทำให้ทุกเพลงที่ปล่อยไปของวงได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง โดยสมาชิกในวงเปิดเผยการทำงานไลน์ดนตรีว่า ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากไอเดียของหน้าที่แต่ละคน แล้วจึงค่อยมาช่วยๆ กันเกลาไปพร้อมกับเนื้อร้อง
นอกจากนั้นนิคยังทิ้งทายถึงเทคนิคการแต่งเพลงที่ง่ายที่สุดสำหรับเขาให้ฟังว่า “แรกๆ จะลองทุกวิธี แต่สูตรที่ใช้อยู่ปัจจุบันและคิดว่าง่ายที่สุดกับตัวเอง คือการที่ได้คำร้องและไอเดียมาประมาณหนึ่ง เช่น สะดุดกับคำว่า Motel California ก็จะเอามาลางในหัวก่อนว่าเราจะเล่าเรื่องอะไร จากนั้นพยายามยัดเมโลดี้ลงไป ร้องไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้สักพัก แล้วรู้สึกว่ามันทำงานกับเรา ก็จะเก็บกลับมาทำต่อ คือจริงๆ เป็นคนที่ทำเพลงต่อเพลง ถ้าเพลงนี้ไม่ชอบก็จะทิ้งเลย จนกว่าจะเจอเพลงที่รู้สึกว่าเราโอเค แล้วค่อยทำให้เสร็จ เรียกว่าคิดมากก็ได้ เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือสิ่งที่อยากนำเสนอจริงๆ เพราะไม่อยากย้อนกลับไปมองตัวเอง 3-5 ปี ผ่านไป แล้วแบบตั้งคำถาม เราอาจไม่ใช่คนเก่ง ไม่มีความรู้มากกว่าคนในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่เราก็ทำให้ดีที่สุดที่เราทำได้ ให้ย้อนกลับไปดูแล้วไม่ไม่เสียใจว่า ณ เวลานั้นเราเก่งแค่นั้น”
ศศิกานต์