กลับมาพบกันเป็นประจำทุกเดือนกับ TK Mobile Library ในโครงการ “หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง” ที่ TK park ขนกิจกรรมสร้างสรรค์ออกนอกพื้นที่ Central World มามอบความสุขให้ผู้อ่านทุกเพศ ทุกวัย โดยในครั้งนี้ TK park เดินทางมามอบความสุขที่สวนลุมพินี และได้คัดสรรกิจกรรมหลากหลายมาทั้งกิจกรรมท่องโลกจินตนาการผ่านตัวหนังสือ กิจกรรมศิลปะหรรษา กิจกรรมเล่านิทานสร้างเสริมจินตนาการและกิจกรรมพัฒนาสมองลูกน้อยตามหลัก Brain - Based Learning (BBL)
ในเต้นท์ขนาดกลางๆ แต่อัดแน่นด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ของ TK park แบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน ได้แก่ มุมหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้และความบันเทิง โดย TK park คัดสรรหนังสือมามากมายหลายประเภทเพื่อทุกเพศทุกวัยทั้ง ‘หนังสือสำหรับเด็กวัยเตาะแตะ’ (0-3 ปี) ‘หนังสือสำหรับเด็กวัยซน’ (4-6 ปี) ‘หนังสือสำหรับเด็กวัยค้นหา’ (7-9 ปี) และ ‘หนังสือสำหรับเด็กวัยเรียนรู้’ (10-12 ปี) ทั้งยังมีหนังสือสำหรับผู้ปกครองเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการเลี้ยงบุตรด้วย
นอกจากส่วนของมุมหนังสือแล้ว TK park ยังจัดพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ ไว้หลายส่วนด้วยกัน ทั้งกิจกรรม “คณิตศาสตร์แสนสนุก” ที่สร้างเสริมทักษะการคิดคำนวณบวกลบด้วยการให้เด็กๆ บวกลบเลขตามโจทย์บนกล่องสี่เหลี่ยมที่มีรูปเป็ดน้อยน่ารักดึงดูดใจเด็กๆ
เด็กๆ เล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน
ไม่เพียงเท่านี้ TK park ยังจัดพื้นที่กิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะการคิดคำนวณและเสริมสร้างทักษะความรู้ภาษาอังกฤษไปด้วยพร้อมๆ กันกับกิจกรรม “up & down” ให้เด็กๆ โยนลูกเต๋าที่มีตัวเลขและมีคำว่า up หรือ down กำกับเพื่อให้เด็กๆ เดินขึ้นลงตามตาราง คนที่ถึงจุด finished ก่อนจะเป็นผู้ชนะ
เด็กๆ เล่นเกม up & down
ทั้งนี้ ยังมีของเล่นเสริมทักษะอีกมากมาย เช่น ตัวต่อหลากสีที่เสริมสร้างจินตนาการของเด็กๆ ให้โลดแล่นด้วยการประกอบให้เป็นสิ่งต่างๆ เช่น ตึก เป็นต้น
เด็กๆ ประกอบตัวต่อ
ทางด้านกิจกรรมศิลปะหรรษาก็มีกิจกรรมแปะกระดาษ-ระบายสีจากนิทานเรื่อง “หนอนจอมหิว” เป็นการสอนให้น้องๆ หนูๆ ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของผีเสื้อตั้งแต่ยังเป็นหนอนจนกระทั่งกลายเป็นผีเสื้อแสนสวย โดยแต่ละกิจกรรมจะมีพี่ๆ staff คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
เด็กๆ แปะกระดาษ-ระบายสี
นอกจากพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายประเภทดังกล่าวที่สามารถเล่นได้ตลอดทั้งวันแล้ว TK park ยังจัดกิจกรรมพิเศษในตอนเย็นเพื่อน้องๆ อีกคือ กิจกรรมการเล่านิทานโดยน้องต้นหลิว ซึ่งได้รับรางวัลการแข่งขันเล่านิทานถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี น้องต้นหลิวทักทายน้องๆ ด้วยความร่าเริง ก่อนจะประเดิมนิทานเรื่องแรก “มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ” เป็นเรื่องราวของมังกรไฟที่ไม่เคยเรียนหนังสือ วันหนึ่งมันไปอาละวาดที่โรงเรียน จะจับสัตว์อื่นๆ กิน นักเรียนลิงตัวหนึ่งท้าเล่นเกมกับมัน แล้วเจ้าลิงก็ใช้ปัญญาเอาตัวรอดมาได้ สาเหตุสำคัญคือเจ้ามังกรไฟไม่เคยเรียนหนังสือจึงไม่มีความรู้ น้องต้นหลิวกล่าวถึงข้อคิดของนิทานเรื่องนี้ว่าเด็กๆ ควรตั้งใจเรียนหนังสือ
น้องต้นหลิวกำลังเล่านิทานให้น้องๆ ฟังอย่างออกรส
ครั้งนี้มีแขกรับเชิญพิเศษคนสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจให้น้องต้นหลิวมาด้วย คือ คุณพ่อป๊อบที่มาเล่านิทานเรื่อง “เมี้ยว” ให้เด็กๆ ฟัง เป็นเรื่องของหนูสามตัวที่ไม่ตั้งใจเรียนและไปเจอกับแมวตัวหนึ่งที่วางแผนจะจับเจ้าหนูๆ กิน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงเพราะเจ้าหนูๆ มีน้ำใจแบ่งปันลูกพีชให้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าต้องตั้งใจเรียนหนังสือ และการมีน้ำใจต่อกันเป็นสิ่งที่ดี
คุณพ่อป๊อบเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง
เมื่อคุณพ่อป๊อบเล่านิทานจบ น้องต้นหลิวก็ขนนิทานมาเล่าให้ฟังอีก แต่คราวนี้มีกลวิธีการเล่าที่แปลกใหม่ไปจากเดิมด้วย คือ “การเล่านิทานพับกระดาษ” เริ่มจากการพับกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสไปพร้อมๆ กับการเล่าเรื่องของน้องต้นหลิวจนกระทั่งตอนจบก็กลายเป็นกระต่ายน้อยแสนน่ารัก
น้องต้นหลิวเล่านิทานพับกระดาษให้น้องๆ ฟัง
ตบท้ายด้วยนิทานเรื่องสุดท้ายที่น้องต้นหลิวขออาสาสมัครจากน้องๆ ที่ฟังกันอยู่ให้มาช่วยเล่านิทาน โดยให้น้องๆ แต่ละคนรวมถึงน้องต้นหลิวล้วงสิ่งของที่อยู่ในถุง แล้วเล่านิทานเรื่องเดียวกันต่อกันโดยแต่ละคนต้องใช้สิ่งของที่มีอยู่มาเล่านิทาน
น้องต้นหลิวและน้องๆ ร่วมกันเล่านิทานจากสิ่งของ
หลังจากจบกิจกรรมเล่านิทานแสนสนุกแล้วก็ยังมีกิจกรรมดีๆ ที่ได้ทั้งคุณค่าและความสนุกสนาน คือ กิจกรรมการออกกำลังพัฒนาสมอง เป็นการบริหารสมองทั้งซีกซ้ายและขวา เชื่อมโยงสมองทั้งสองด้านเข้าด้วยกันเพื่อให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีคุณครูปุ๊กปิ๊ก - พัชราภรณ์ พุทธิกุล มาสอนเด็กๆ และผู้ปกครองออกกำลังสมองให้สมองดี เรียนเก่งและอารมณ์ดี
คุณครูปุ๊กปิ๊กทักทายเด็กๆ แล้วเริ่มด้วยการอธิบายให้ฟังว่าสิ่งสำคัญที่สุดก่อนออกกำลังสมอง คือ การดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละแปดแก้ว และให้ดื่มน้ำธรรมดาจะดีที่สุดเพราะจะทำให้เลือดคงอุณหภูมิปกติ แต่หากเป็นน้ำเย็นจะทำให้เลือดแข็งตัว
คุณครูปุ๊กปิ๊กพูดคุยกับเด็กๆ
ต่อมา คือการวอร์มเพื่อออกกำลังสมอง เริ่มด้วยจุดที่เรียกว่า “ปุ่มสมอง” ซึ่งจะอยู่ล่างไหปลาร้าและอยู่เหนือหน้าอก เมื่อกดดูจะมีลักษณะบุ๋มๆ ลงไป ให้ใช้มือหนึ่งนวด 10 ครั้ง อีกมือหนึ่งวางไว้ที่สะดือ เมื่อนวดก่อนเรียนจะช่วยกระตุ้นสมองและช่วยให้น้องๆ หนูๆ มีสมาธิ
จุดต่อมาเรียกว่า “ปุ่มสมดุล” อยู่ที่หลังใบหู ให้นวดคลึงเบาๆ 5 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นหูชั้นใน ทำให้การได้ยินชัดเจนขึ้น และร่างกายมีการทรงตัวที่ดีขึ้น
ท่าต่อมาเรียกว่า “ท่าหาวเพิ่มพลัง” เป็นท่าง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังได้โดยการอ้าปากหาวค้างไว้แล้วนวดข้างแก้มไปด้วย 5 ครั้ง
ท่าต่อมาคือ “ท่าบวกความคิด” ทำได้โดยนวดและดึงใบหูจากข้างบนลงมาถึงข้างล่าง
เมื่อเสร็จสิ้นจากการวอร์มแล้วก็มาถึงการออกกำลังสมองซึ่งมีท่าต่างๆ ให้เลือกทำมากมายตามความชื่นชอบหรือตามความสะดวกของน้องๆ แต่ละคน โดยมีทั้งแบบที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และแบบที่มีอุปกรณ์ เช่นแต่ละท่าดังต่อไปนี้
“ท่าเลขแปด” ทำได้โดยยื่นแขนตรงไปด้านหน้า ชูนิ้วหัวแม่โป้งขึ้น ตามองที่นิ้วมือ แล้ววาดแขนเป็นเลขแปดแนวนอน จากนั้นให้ทำทั้งสองแขนโดยทำไขว้กัน แต่ให้มองตรงไปข้างหน้าแทนการมองที่นิ้วมือ
“ท่าช้าง” ทำคล้ายกับท่าเลขแปด แต่ให้ใช้หูแนบกับแขนแล้วย่อตัวเพื่อทำท่าเลขแปดแนวนอน
“ท่านกฮูก” ทำได้โดยใช้มือข้างใดข้างหนึ่งจับหัวไหล่ที่อยู่อีกด้าน นวดเบาๆ หันหน้าไปด้านตรงข้ามกับมือ จากนั้นค่อยๆ หันมาที่มือที่จับหัวไหล่ แล้วร้อง “ฮูก” ยาวๆ
ท่าต่อมาเป็นการใช้อุปกรณ์ง่ายๆ ที่มีอยู่ เช่น ตะเกียบ มะกรูด มะนาว ลูกกอล์ฟ หมอน
• ท่าที่ใช้ตะเกียบ ให้ใช้ตะเกียบวางเหนือปาก แหงนหน้าขึ้นแล้วเดิน
• ท่าที่ใช้หมอน ให้ใช้หมอนวางบนศีรษะแล้วเดิน จะช่วยให้บุคลิกภาพดียิ่งขึ้น
• ท่าที่ใช้มะนาว มะกรูด หรือลูกกอล์ฟ ให้ฝึกโยนสลับกันแบบการเล่นมายากล โดยให้ฝึกจากการใช้ลูกมะนาวก่อน เมื่อชำนาญมากขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นมะกรูด และลูกกอล์ฟ
กิจกรรมในวันนี้เต็มไปด้วยสาระความรู้และความสนุกสนานต่อทั้งผู้ปกครองและเด็กๆ คุณดวงกมล สาสนพิจิต ผู้ปกครองของเด็กหญิงคนหนึ่งกล่าวว่าพาลูกสาวมาเที่ยวที่สวนลุมพินีเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมกับ TK park เป็นครั้งแรก วันนี้ได้สาระความรู้และลูกสาวก็สนุกสนานดี ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าร่วมกิจกรรมอีก
Chestina Inkgirl