หากจะกล่าวว่า การค้นหาตัวเอง จนได้เจอสิ่งที่ชอบเป็นกุญแจสำคัญของชีวิตก็คงไม่เกินเลยไปนัก เพราะการได้ทำอาชีพที่ใช่ ชีวิตการทำงานก็จะเต็มไปด้วยความสุข แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายคนมีปัญหาในการค้นหาตัวเอง ไม่รู้ว่าถนัด หรือชอบอะไร และเพื่อเป็นการแนะแนวทางค้นหาศักยภาพและความถนัดในตัวเอง TK Park ได้จัดกิจกรรม TK Park เปิดตำราวิชาแนะให้แนว ตอน ชีวิตจริงต้อง JOURNEY งานแนะแนวรูปแบบใหม่บนโลกออนไลน์ ที่รวบรวมความรู้ และความสนุกให้ทุกคนได้ค้นหาความฝันของตัวเอง ในหัวข้อ “เริ่มต้นไม่ยาก เริ่มจากความชอบ” กับ โศภิษฐ์รสกร โชติธนฤทธิ์ หรือ ซอฟ SOFTPOMZ Youtuber ชื่อดังจากช่อง SOFTPOMZ channel ค้นหาอะไรใหม่ๆ แล้วลองลงมือทำในสิ่งที่ชอบ ซอฟ ย้อนเล่าถึงการที่ตัวเองได้เจอในสิ่งที่ใช่ว่า เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ที่เป็นคนชอบพูด ชอบทำกิจกรรม พอถึงช่วงมัธยมสนใจในเรื่องของการถ่ายทำวิดีโอและการตัดต่อ แต่ในตอนนั้นไม่สามารถหาเรียนได้จากชั้นเรียน จึงพยายามเรียนรู้จากคุณครูที่โรงเรียนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการตัดต่อ จากนั้นก็ค้นพบว่าตัวเองอยากเดินทางในสายงานนี้จนตัดสินใจเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ และเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองในรูปแบบวิดีโอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เราเริ่มถ่ายวิดีโอตั้งแต่ตอนปี 1 เพราะเรารู้สึกว่า พอเริ่มเรียนแล้วไม่อยากให้สิ่งที่ครูสอนหายไป คลิปแรกๆ เราก็ใส่ทุกความชอบตัวเอง ชอบงานประดิษฐ์ ชอบน้องแมว ก็เลยเป็นคลิปประดิษฐ์หมวกให้น้องแมวใส่ ซึ่งตอนนั้นแพลตฟอร์ม YouTube ยังไม่ได้เป็นสื่อเอนเตอร์เทนเมนต์หลักเหมือนตอนนี้ อย่างมากก็คือเป็นพื้นที่ให้เราฝากไฟล์ นั่นคือจุดเริ่มต้นวิดีโอแรกที่เราอัพบน YouTube ถามว่ามีคนดูไหม ก็ไม่มีนะ ทุกๆ ยอดวิวที่เกิดขึ้นก็คือมาจากเรา มันเป็นรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ตัวเองทำ จากนั้นก็เกิดทำคลิปต่อๆ มา โดยใส่ความสนใจที่ตัวเองชอบ เหมือนเป็นพื้นที่ทดลองนอกเรียนที่สามารถปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ การทำคลิปตอนนั้นของเรา เป็นความรู้สึกว่าอยากให้ทุกๆ คลิป เราได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ในการได้ลองลงมือทำจากวิชาที่เรียน และเหมือนเป็นการพัฒนาตัวเองว่าจะมีอะไรที่สามารถทำได้อีกบ้าง” ทำอย่างสม่ำเสมอ จนเริ่มมีคนมองเห็น การค้นหาตัวเองอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการลอง ถ้าเราไม่เคยลอง เราก็จะไม่มีทางรู้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งการลองนั้นก็ค่อนข้างใช้เวลา ซึ่งซอฟ เล่าว่า “ณ เวลานั้น ที่ได้เริ่มทำคลิปวิดีโอ วิถีชีวิตทุกคนยังไม่ได้เริ่มหันมาเสพโซเชียลมีเดียอย่างจริงจังเหมือนปัจจุบัน ส่วนตัวเองก็มองไกลว่าจะทำเป็นอาชีพหลัก เพราะตอนนั้นหน้าที่หลักคือการเป็นนักศึกษา และก็ยังไม่มีอาชีพ YouTuber กว่าที่เราจะทำ YouTube เป็นจริงจัง และสามารถหารายได้ ก็ประมาณ 2 ปีกว่า พูดสวยๆ เวลา 2 ปีกว่า มาจากแพชชั่นล้วนๆ รู้สึกสนุกในสิ่งที่ทำ และได้เผยแพร่ออกไปแล้วมีคนโต้ตอบกับเรา แล้วเราก็มาต่อยอดคอมเมนต์ต่ออีก เหมือนได้มีเพื่อนทางไกล ได้ส่งพลังงานบางอย่างเข้าหากัน” สำหรับช่อง SOFTPOMZ channel ค่อนข้างใช้เวลาในการหารายได้ เนื่องจากจุดตั้งต้นของซอฟไม่ได้โฟกัสว่า ตัวเองจะทำวิดีโอเพื่อหารายได้ แต่สารตั้งต้นคือความชอบ และมองว่าตอนนั้นตัวเองอยู่ในวัยเรียน ซึ่งเป็นวัยแห่งการทดลอง พร้อมกับรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ และเชื่อว่าสิ่งที่ทำกำลังขัดเกลาอะไรบางอย่างในตัวเราเอง ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นเรื่องดีกับเราได้ในอนาคตได้เช่นกัน และไม่ใช่แค่เพียงใช้สารตั้งต้นจากความชอบเท่านั้นที่ทำให้ช่อง SOFTPOMZ channel เป็นที่รู้จัก แต่ยังต้องใช้เวลาและการฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลาด้วย บางคนอาจบอกว่า อยากเป็น YouTuber แต่พูดไม่เก่ง ซึ่งประเด็นนี้ซอฟแสดงความคิดเห็นว่า “คลิปแรกๆ ของซอฟ ก็พูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่ซอฟเชื่อว่าทุกทักษะเกิดขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองพูดไม่เก่ง ก็ฝึกฝนได้ ไม่ได้หมายความว่าวันนี้เราพูดไม่เก่ง แล้วอีกห้าปีก็ยังพูดไม่เก่ง คุณจะพูดไม่เก่งแน่ๆ ถ้าคุณไม่ฝึกฝน ในเวลาเดียวกัน เราต้องฝึกฝนโดยที่ตกผลึกกับสิ่งนั้นด้วย คือพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด” “และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญเลยก็คือ จะมีคนมองเห็นเราแน่ๆ ถ้าเราตั้งใจกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจให้มากๆ ในหลายๆ เรื่องเราทำด้วยความชอบในตอนแรก เหมือนซอฟทำ YouTube ด้วยความชอบในตอนแรก มันจะมีจุดหนึ่งที่ความชอบกลายเป็นความรับผิดชอบ เราเชื่อว่าช่วงนั้นทุกคนจะรู้สึกเบื่อกับสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะรู้สึกว่าไม่สนุกเหมือนตอนแรกๆ ตรงนั้นคือจุดวัดใจว่าเราจะสำเร็จได้ไหม ถ้าเราข้ามตรงนั้นมาได้ แล้วพิสูจน์กับตัวเองได้ว่า เราสามารถอยู่กับเขาได้ด้วยความรับผิดชอบ และหลังจากเรามีความรับผิดชอบต่อตัวเอง มันก็จะกลายเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ก็คือที่คนที่อยู่บนโลกออนไลน์ควรต้องมี” ความยากเป็นเรื่องวัดใจ จงเชื่อตัวเองให้เยอะที่สุด เมื่อเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าของเราทุกคน การบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ต้องการเรียนรู้ เพราะการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างสูง นั่นทำให้เราสามารถดำเนินภารกิจต่างๆ ได้อย่างราบรื่นและไปถึงเป้าหมาย โดยซอฟพูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่า เคยเป็นเด็กคนหนึ่งที่ขี้เกียจ จนมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าตัวเองงานไม่เสร็จเพราะมีข้ออ้างให้ตัวเองตลอด “ประโยคที่เพื่อนบอกวันนั้นกระแทกใจเราประมาณหนึ่ง เพราะเรารู้สึกว่าในชีวิตแต่ละวัน คนเรามีข้ออ้างให้ตัวเองได้ง่ายมาก เช่น ขอเลื่อนนาฬิกาปลุก 5 นาที ขอดูซีรี่ย์สักตอนสองตอน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราต้องเครียดมากหรือจริงจังไม่ยืดหยุ่นนะ แต่อีกนัยหนึ่งคือถ้าเรามีเป้าหมายจริงๆ เราก็ต้องไม่มีข้ออ้างกับตัวเองในการทำสิ่งนั้นๆ เหมือนกัน ฉะนั้นการแบ่งเวลาของเรา ค่อนข้างตั้ง Mindset กับตัวเองในหัวว่า สิ่งที่เราทำเพื่ออะไร สมมุติวันนี้เราเล่นดนตรีไม่เป็น แล้วลองนั่งนึกว่าเราอยากเล่นดนตรีเป็น ถ้าเรามีวินัยกับตัวเอง เราในอีก 1-2 ปี ข้างหน้าน่าจะขอบคุณตัวเองในวันนั้น เราเชื่อว่าการใช้ชีวิตในวัยเรียนเป็นช่วงเวลาทอง ควรลองสิ่งที่อยากทำเยอะๆ เหมือนยิ่งเราทำตั้งแต่วันนี้ ยิ่งล้ม ยิ่งโดนดุ มันคือโอกาสของเราในอนาคตเช่นกัน อันนี้จากมุมมองส่วนตัว ถ้าเราเพิ่งเริ่มมาค้นหาตัวเองตอนเป็นผู้ใหญ่ ก็จะมีมุมมองบางอย่างที่ตัวเองไม่กล้าพลาด มีความกลัวเยอะมาก และทำให้เราไม่ได้ทดลองอะไรหลายอย่าง” ทุกๆ การผิดพลาด ทำให้เรารู้จักการกล้าทำกล้าลอง และไม่มีใครทำได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก ทุกสิ่งต้องใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และทุกๆ ช่วง ของทุกคนย่อมมีจุดวัดใจ ไม่ว่าจะเป็นเสียงสบประมาท หรือปัจจัยรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เรากำลังทำ ซึ่งเราสามารถฟังสิ่งเหล่านั้นได้ แต่ต้องกรองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเราต้องรู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังทำคืออะไร เพื่ออะไร และต้องเชื่อในตัวเองเยอะๆ เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราทำ ก็จะไม่เติบโตเช่นเดียวกัน “ซอฟเชื่อว่าทุกๆ อาชีพมันจะมีจุดวัดใจที่ต้องเจอปัจจัยรอบข้างที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำและมองว่าไร้สาระ หรือปัจจัยที่เป็นแรงกดดันบางอย่าง มันจะต้องมีกราฟบางอย่างที่ทำให้เราไขว้เขว และนั่นคือบททดสอบว่าเรามีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำขนาดไหน และถ้าเราถอดใจ ก็อาจไม่ได้ค้นหาตัวเอง ฉะนั้นเชื่อมั่นกับตัวเองและชัดเจนกับตัวเองเยอะๆ อย่างเราทำYouTube แล้วเจอคอมเมนต์ด้านลบในโซเชียล สิ่งที่เราทำมาตลอด คือพยายามจะปล่อยผ่าน บางคอมเมนต์ก็บูลลี่เราจนเกินไปเหมือนกัน มันก็มีที่เสียใจ ว่าเฮ้ยเราแย่ขนาดไหนเลยเหรอ แต่พอสุดท้ายเรามองตัวเอง เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นต้องปล่อย เพราะถ้าเราถือเราเจ็บ แล้วเรารู้ว่าสิ่งที่เขาบูลลี่ใส่เป็นแค่การใส่อารมณ์ทางคีย์บอร์ดเท่านั้น แต่ถามว่าเราไปใส่อารมณ์ตอบเขากลับ มันก็ไม่ได้ผลขึ้นมา ที่สำคัญทำให้คุณค่าของตัวเราลดลงด้วย” ระยะเวลาการค้นหาตัวเองของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำคัญต้องตั้งใจกับสิ่งที่ทำ เพราะชีวิตมีหลายมิติ และนาฬิกาแห่งชีวิตของแต่ละคนเรานั้นก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้นซอฟมองว่า หากตัวเรายังไม่มั่นใจว่าเป้าหมายที่ชัดคืออะไร ไม่อยากให้กดดันตัวเอง และไม่อยากให้คิดว่าตัวเราตามหลังคนอื่น เนื่องจากแต่ละคนมีช่วงชีวิตที่ไม่เหมือนกัน มีเวลาการออกผลผลิตที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นค่อยๆ ทำ ค่อยๆ หา มากไปกว่านั้นต้องมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ และขัดเกลาตัวเองอยู่เสมอ “และถ้าถามว่า ถ้าชอบหลายอย่าง แล้วเราจะหาสิ่งที่ใช่อย่างไร จริงๆ ความใช่ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างเดียว สมัยก่อน เราอาจถูกปลูกฝังจากผู้ใหญ่ว่าต้องเก่งสักอย่างหนึ่ง เอาให้ดีไปเลยแล้วจะสุดยอด ซอฟกลับมองว่า มีหลายคนที่ชอบหลายอย่างแล้วมองตัวเองว่าดูไม่เก่งอะไรเลย ฉันดูเป็ด แต่ซอฟว่านั้นเป็นเรื่องดี เพราะไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่า ฉันชอบวาดรูปด้วยนะ ฉันชอบเล่นดนตรีด้วยนะ ฉันชอบถ่ายภาพด้วย ดังนั้นวันนี้ถ้าเพื่อนๆ ชอบหลายๆ อย่าง ไม่จำเป็นต้องตัดความชอบให้เหลือแค่อย่างเดียว เราสามารถพัฒนาตัวเองในทุกมิติไปพร้อมกันได้ และนั่นจะยิ่งทำให้เรามีตัวตนที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ถ้าเรารู้สึกเลือกไม่ถูก ก็ทำทุกอย่างเลยก็ได้ ค่อยๆ หา ค่อยๆ ทำ ซอฟเชื่อว่าถ้าตัวเองแก่กว่าไปนี้ ก็ยังคงต้องหาตัวเองไปเรื่อยๆ และการได้ที่ลองคือการที่เราได้เปิดมุมมองใหม่ๆ แล้วทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรฟเฟอร์เร้นซ์ คือเราสามารถหยิบศาสตร์ความรู้ของทุกอย่างมารวมกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ ฉะนั้นถ้าเรายังไม่มั่นใจว่าชอบอะไร ลุยมันทุกอย่างเต็มที่” “บางความกดดันที่มีอยู่ ซอฟมองว่าจริงๆ เป็นบททดสอบว่าเราจะคู่ควรกับสิ่งที่เราตั้งใจหรือเปล่า และซอฟเชื่อว่าไม่ว่าโลกจะหมุนเร็วยังไง คนคอมเมนต์แย่ใส่เรายังไง สิ่งที่สำคัญเลยคืออย่าหยุดให้ตัวเองมีความสุข และก็ทุกๆ อย่างมันผ่านไปเสมอ เราเชื่อว่าไม่มีอะไรจะอยู่แบบนั้นไปตลอด เหมือนฝน ฤดูมันก็เปลี่ยน ดังนั้นความกดดัน ความเครียดตรงนี้ วันหนึ่งก็จะขับเคลื่อนผ่านไปเหมือนกัน อยู่ที่เราอยากให้มันเคลื่อนไหวไปทางไหน เราก็ใส่ความตั้งใจตรงนั้นให้เต็มที่ ไม่ช้าก็เร็วเรื่องดีๆ ย่อมเกิดขึ้นกับเราแน่นอน”