‘เรียน’ กับ ‘เล่น’ ดูจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่เมื่อนำทั้งสองอย่างมารวมกัน กลับทำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุก และการเล่นก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไปค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2555 อุทยานการเรียนรู้ TK park ได้จัดกิจกรรม Outdoor Learning Program for Family ซึ่งช่วยการส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้สำหรับเด็ก เพื่อกระตุ้นและท้าทายให้เด็กปฐมวัย (3-5 ขวบ) ผ่านโปรแกรมที่ชื่อว่า Pre-School: Read & Edutainment Program และเด็กวัยประถมศึกษา (6-9 ขวบ) Primary: Read - Active and Challenges Program ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และมีทักษะในการแก้ปัญหา
โดยกิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นที่ห้องมินิเธียเตอร์ 2 โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ ช่วงเช้าสำหรับเด็กเล็กชั้นอนุบาล และช่วงบ่ายสำหรับเด็กชั้นประถม โดยทั้งสองรอบได้ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าร่วมสังเกตการณ์และมีส่วนร่วมในบางกิจกรรม โดยมีครูเจ เจ้าหน้าที่จากอุทยานการเรียนรู้ TK park มาเล่านิทานและจัดกิจกรรมสนุกๆ ที่เสริมทักษะด้านต่างๆ ให้กับเด็กๆ
ครูเจเล่านิทานเรื่อง Prince Bear and Pauper Bear
กิจกรรมของเด็กปฐมวัย อายุ 3-5 ขวบ ครูเจได้เลือกนิทานและหนังสือภาพสำหรับเด็กที่ได้รับการคัดสรรจากประเทศญี่ปุ่นและนิทานอาเซียนสำหรับเด็กปฐมวัย ที่จะทำให้เด็กๆ รู้จักตนเอง สิ่งแวดล้อม และโลก ผ่านเรื่องราวในนิทาน โดยนิทานที่ครูเจนำมาเล่าให้ฟังมีทั้งหมด 3 เรื่อง คือ
- Little Mouse’s Red Vest นิทานญี่ปุ่น เขียนโดย Yoshio Nakae เรื่องราวการเดินทางของเสื้อกั๊กสีแดงของเจ้าหนูตัวเล็กๆ ที่ถูกสัตว์ชนิดอื่นๆ นำไปใส่ อย่างสัตว์ตัวเล็กอย่างเป็ดไปจนถึงสัตว์ใหญ่อย่างช้าง เมื่อเจ้าหนูมาพบเสื้ออีกครั้งก็ขยายจนมันกลับมาใส่ไม่ได้อีกแล้ว
- Prince Bear and Pauper Bear นิทานที่ได้รับรางวัลจากประเทศสิงคโปร์ เขียนโดย Emily Lim เรื่องราวของตุ๊กตาหมีสองตัว ที่มีเจ้าของต่างกัน หมีที่ดูสวยงามมีเจ้าของที่ร่ำรวยแต่ไม่ใส่ใจ ส่วนหมีที่ดูมอซอได้เจ้าของที่ยากจนแต่ดูแลมันอย่างดี ความสุขที่แท้จริงจึงไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวย
- กูจี กูจี นิทานของประเทศจีน เขียนโดย เฉินจื้อหยวน เรื่องราวของจระเข้ที่โตมาในครอบครัวเป็ด จนวันหนึ่งมันได้เจอพวกเดียวกันจึงรู้ว่าตัวเองเป็นจระเข้ ที่กินเป็ดเป็นอาหาร แต่เพราะความกตัญญู กูจี กูจี ก็เลือกที่จะช่วยครอบครัวเป็ดที่เลี้ยงดูตัวเองมาอย่างดี
ระหว่างเล่านิทานครูเจก็ได้เสริมกิจกรรมให้เด็กๆ ได้โยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลงด้วยท่า Seven Jump ซึ่งดูจะถูกใจเด็กทุกคน เพราะได้ทำท่าทางน่ารักที่ออกแบบโดยครูเจ
จากนั้นครูเจได้เริ่มกิจกรรมเส้นมหัศจรรย์ (Music Line) กิจกรรมบูรณาการทักษะ 3 ด้าน คือ การฟัง ความคิดสร้างสรรค์ และการเคลื่อนไหว เพื่อการเรียนรู้เรื่องตำแหน่งซ้าย-ขวา และสร้างสรรค์ลายเส้นแบบต่างๆ แต่ก่อนที่เด็กๆ จะแปลงร่างเป็นศิลปินตัวน้อย ครูเจได้ให้ทุกคนล้อมวงเพื่อฝึกการเรียนรู้ตำแหน่งซ้าย-ขวา จากนั้นทุกคนจะได้รับกระดาษและสีคนละแท่ง เพื่อวาดเส้นขึ้นลงตามการให้จังหวะของครูเจ โดยสลับใช้มือซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เพื่อฝึกระบบประสาททั้งสองด้าน เมื่อเด็กๆ เริ่มลากเส้นตามจังหวะได้คล่องแล้ว คราวนี้ก็เพิ่มความสนุกและจินตนาการ ด้วยการวาดเส้นตามเสียงเพลงที่ได้ยิน เกิดเป็นงานศิลปะที่หน้าตาแตกต่างกันไป
นอกจากความสนุกสนานแล้ว กิจกรรมนี้ยังส่งผลต่อการใช้ระบบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว (Sensory Motor Skill) เพราะได้เรียนรู้เรื่องเสียง จังหวะไปพร้อมๆ กับการควบคุมการใช้กล้ามเนื้อมือและนิ้วมือทั้งซ้าย-ขวาอีกด้วย
คุณแม่และน้องเอส กับผลงานศิลปะลากเส้นตามจินตนาการ
คุณพัชรินทร์ วีระธำรงศักดิ์ คุณแม่ของน้องเอส-ด.ญ.รัสรินทร์ เสกพงศ์พัชร์ วัย 5 ขวบ ซึ่งเคยมาอุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อทราบข่าวว่ามีกิจกรรมนี้จึงได้พาลูกสาวมาร่วมกิจกรรม เพราะเคยได้ยินมาว่าที่ TK park มีหนังสือและกิจกรรมที่เหมาะกับเด็ก “รู้จักมานานแล้วค่ะ แต่ไม่มีโอกาสได้มา พอรู้ว่ามีกิจกรรมนี้เลยพาน้องเอสมา ลูกชอบที่นี่มาก กิจกรรมวันนี้ก็สนุกสนานและน่าจะถูกใจเขาเพราะลูกชอบงานศิลปะ ชอบนิทาน แล้วเขายังได้ฝึกพัฒนาการเรื่องทิศทางซ้าย-ขวาด้วยค่ะ”
ส่วนน้องเอสนั้นเล่าให้ฟังพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ตลอดว่าชื่นชอบการฟังนิทานมากที่สุด และสนุกกับการวาดเส้นตามจังหวะ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่ยากเกินไปเพราะชอบวาดรูปอยู่แล้ว
ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กวัยประถมศึกษา อายุ 6-9 ขวบ ครูเจได้เลือกนิทานนานาชาติและกิจกรรมที่เนื้อหาโตตามวัย โดยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ผ่านการเล่านิทานและกิจกรรมเสริมความรู้ ซึ่งจะช่วยต่อยอดประสบการณ์เสริมทักษะด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learner ที่กระตุ้นและท้าทายให้เด็กได้คิดสร้างสรรค์พร้อมทั้งแก้ปัญหาเป็น
เริ่มต้นด้วยการเล่านิทานหรรษาของประเทศอินโดนีเซีย เรื่อง Go to Sleep Gacko เขียนโดย Margaret Read MacDonald เรื่องราวของเจ้าตุ๊กแกไม่ยอมนอนเพราะเหตุผลนานาประการ ซึ่งในที่สุดเจ้าตุ๊กแกก็ได้เรียนรู้ว่า สัตว์และสิ่งแวดล้อมรอบตัวนั้นมีหน้าที่ของตัวเอง หากหยุดทำหน้าที่ก็จะเดือดร้อนไปถึงการใช้ชีวิตของเจ้าตุ๊กแกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันจึงต้องอาศัยการปรับตัว ไม่นึกถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียว
จากนั้นครูเจได้นำหนังสือภาพเรื่อง I can see เขียนโดย Adria Klein ที่นอกจากจะเรียนรู้เรื่องสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย เพราะเด็กๆ จะต้องตอบคำถามว่าเขามองเห็นสัตว์ชนิดไหนเป็นภาษาอังกฤษ
คุณแม่ช่วยลูกสาวตัวน้อยสอยตุ๊กตา
หลังจากฟังนิทานและสนุกสนานกับหนังสือภาพ ครูเจก็ได้ให้น้องๆ แบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อทำกิจกรรมที่เด็กๆ รอคอย นั่นคือการสอยตุ๊กตาสัตว์ที่พี่ๆ ทีมงานติดไว้ตามผนังห้อง โดยแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมารับอุปกรณ์ คือ ไม้สำหรับสอยตุ๊กตา จากนั้นก็ฟังโจทย์จากพี่เจ ซึ่งเด็กๆ จะได้ฝึกการคิดและทำงานเป็นทีม โดยครูเจมีโจทย์ทั้งหมด 3 ข้อ คือ
1. สอยสัตว์เลื้อยคลาน
2. สอยสัตว์ที่กินเฉพาะพืชเป็นอาหาร
3. สอยสัตว์ที่ไม่ได้ออกลูกเป็นไข่
กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ ช่วยลูกสอยตุ๊กตาได้หากแขวนอยู่ในตำแหน่งที่สูงเกินไป ซึ่งเด็กๆ แต่ละทีมสอยตุ๊กตามาผิดบ้างถูกบ้าง และพวกเขาก็จะได้รู้ในช่วงที่ครูเจเฉลยว่าสัตว์ที่สอยมาผิดนั้นจัดอยู่ในประเภทอะไร และสัตว์ชนิดไหนบ้างที่ไม่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกเด็กๆ เลือก
น้องเอยเดินอย่างตั้งใจ
หลังจากจบกิจกรรมนี้ เด็กๆ ก็ได้ฝึกฝนเรื่องการใช้ภาษาในการสื่อสารจากกิจกรรมต่อไปที่พี่ๆ ทีมงานได้ปูแผ่นภาพขนาดใหญ่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ โดยเด็กๆ ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา 2 คน คนหนึ่งเป็นคนบอก อีกคนหนึ่งถูกปิดตาเป็นคนเดิน โดยครูเจจะบอกโจทย์ เช่น สัตว์ชนิดไหนไม่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ทุกคนในทีมจะช่วยกันคิด สื่อสารกับคนที่มีหน้าที่บอก เพื่อให้สื่อสารต่อไปยังเพื่อนที่ถูกปิดตา ให้เดินไปในตำแหน่งที่ถูกต้อง
ช่วงแรกๆ ของกิจกรรมนี้ดูวุ่นวายเพราะเด็กๆ ไม่รู้ว่าจะสื่อสารให้เพื่อนที่ถูกปิดตาเดินหน้าถอยหลังอย่างไร แต่เมื่อครูเจอธิบายและสาธิตให้ดู เด็กๆ ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าควรจะใช้ภาษาสื่อสารอย่างไร
น้องนานะ-ด.ญ.ศุภกานต์ ชำนาญท่องไพรวัลย์ วัย 6 ขวบ หนูน้อยผู้ร่าเริงและสนุกสนานกับทุกกิจกรรมเล่าว่า ชอบกิจกรรมสอยตุ๊กตามากที่สุด ก่อนจะนับนิ้วเล่าด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วว่าสอยตุ๊กตาอะไรมาได้บ้าง ด้านคุณพัชรี ชำนาญท่องไพรวัลย์ คุณแม่ของน้องนานะ เล่าให้ฟังว่า “น้องเป็นเด็กร่าเริงชอบทำกิจกรรมอยู่แล้วค่ะ มาร่วมกิจกรรมกับทีเคครั้งนี้ก็ถูกใจเขา เพราะได้ฟังนิทาน ได้เล่นเกมที่มีประโยชน์กับเด็กวัยนี้ เพราะได้ฝึกการสื่อสาร และได้ความรู้เรื่องสัตว์ด้วย”
หากคุณพ่อคุณแม่สนใจกิจกรรมการเรียนรู้ดีๆ แบบนี้ให้กับลูกๆ สอบถามรายละเอียดกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่ห้องสมุดเด็ก TK park โทร. 02-257-4300 ต่อ 116 นิทานสนุกสนานแฝงข้อคิดและกิจกรรมน่ารักๆ มากมายรอเด็กๆ เข้ามาเรียนรู้อยู่นะคะ
พี่ตองก้า