![AI-Cover.jpg](../../stocks/extra/007c5d.jpg)
ทุกวันนี้ เราอาจใช้ ChatGPT และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) เพื่อทุ่นแรงในการทำงานมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการช่วยแปล และเน้นเอาความหมายโดยรวม เช่น การแปลประโยคสั้น ๆ เพื่อใช้ในงานนำเสนอ หรือการแปลสรุปความจากข้อความภาษาต่างประเทศเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง แต่หากเป็นหนังสือสักเล่มหรือนิยายสักเรื่อง เจ้าปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมีความสามารถถึงขนาดนั้นแล้วหรือยัง
เพื่อต้อนรับวันแปลภาษานานาชาติ (International Translation Day) 30 กันยายน ปีนี้ TK Park ชวนทุกคนมาย้อนสำรวจเรื่องราวในวงการแปลหนังสือ ที่ปัญญาประดิษฐ์หรือ Artificial Intelligence — AI ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเราอาจต้องเริ่มตั้งคำถามกันอย่างจริงจังถึงความสำคัญของนักแปลที่เป็นมนุษย์ และแนวทางการปรับตัวในอนาคตอันใกล้
![AI-717-1.jpg](../../stocks/extra/007c5e.jpg)
หนังสือเล่มแรกที่ถูกแปลเป็นภาษารัสเซียโดย AI
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 วงการหนังสือของรัสเซียได้มีข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งแวดวงสิ่งพิมพ์และเทคโนโลยี เมื่อ ‘Yandex’ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีของรัสเซียได้ประกาศตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกที่ถูกแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษารัสเซียโดย AI
โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า A World Without Work โดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจากสหราชอาณาจักร แดเนียล ซัสคินส์ (Daniel Susskind) เป็นผู้เขียนขึ้น ซึ่งหลายคนมองว่าการที่ Yandex เลือกหนังสือเล่มนี้ เป็นความตั้งใจให้ป็นตลกร้าย เพราะเนื้อหาภายใน A World ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับมุมมองต่อโลกที่เครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์
รายงานระบุว่า ระบบ AI ของ Yandex แปลหนังสือทั้งหมด 352 หน้าจากภาษาอังกฤษเป็นรัสเซียโดยใช้เวลาเพียงแค่ 40 วินาทีเท่านั้น ซึ่งอัลกอริทึมที่ถูกหยิบยกมาใช้ในการแปลนี้ เป็นระบบที่โดยปกติ ถูกใช้ในการแปลข้อความขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เช่น บทความจาก Wikipedia ที่มีความยาวค่อนข้างมาก จึงทำให้ระบบนี้สามารถสามารถแปลข้อความยาวขนาดหนังสือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่ A World Without Work ฉบับแปลเป็นภาษารัสเซียเสร็จสมบูรณ์ เฟลิกซ์ ซานดาลอฟ (Felix Sandalov) บรรณาธิการบริหารของสำนักพิมพ์ Individuum สำนักพิมพ์อิสระชื่อดังในกรุงมอสโก รัสเซีย ได้แสดงความเห็นต่อคุณภาพการแปลของระบบ AI นี้ว่า สามารถแปลข้อความโดยรวมได้ดี แทบจะไม่มีจุดผิดพลาดเลยในการเลือกคำศัพท์ ซึ่งงานปริมาณเท่านี้ นักแปลที่เป็นมนุษย์อาจจะต้องใช้เวลาเป็นหลักเดือน ในขณะที่ AI สามารถจัดการเสร็จในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
![AI-717-2.jpg](../../stocks/extra/007c5f.jpg)
การพัฒนาระบบแปล และงานวิจัยผ่านหนังสือของฮารูกิ มูราคามิ
ปี 2022 หลังจากที่ระบบการแปลด้วย AI ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีผู้พัฒนาระบบหลายเจ้าจากทั่วทุกมุมโลกกระโดดเข้ามาเล่นในสนามธุรกิจนี้ ในแวดวงวรรณกรรมเองก็มีความพยายามที่จะพัฒนาระบบที่เหมาะสมกับการแปลวรรณกรรมเป็นภาษาต่าง ๆ เช่นกัน
องค์กร Open Philanthropy ได้มอบทุนกว่า 822,365 ดอลลาร์ให้ โมฮิท อิเยอร์ (Mohit Iyyer) ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศจาก University of Massachusetts Amherst เพื่อทุ่มกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถแปลวรรณกรรมทั้งจากฟากตะวันตกและตะวันออกเป็นภาษาต่าง ๆ โดยที่ยังสามารถเก็บสุนทรียภาพทางภาษาเอาไว้ได้
โมฮิทมองว่าปัจจุบันแม้ระบบแปลภาษาของ AI จะพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังไม่สามารถทดแทนการแปลโดยนักแปลผู้เชี่ยวชาญได้ เนื่องจากโดยปกติแล้วระบบ AI จะถูกฝึกฝนโดยใช้เนื้อหาจากข่าวหรือบทความแล้วเปรยบเทียบข้อมูลข้ามภาษา ซึ่งแตกต่างจากการแปลนิยายและวรรณกรรมที่ต้องอาศัยความเข้าใจ และเก็บสุนทรียภาพทางภาษาเอาไว้
![AI-717-4.jpg](../../stocks/extra/007c61.jpg)
สำหรับคู่ภาษาที่มีโครงสร้างและชุดคำศัพท์คล้ายคลึงกันหรือเทียบเคียงกันได้ง่าย และได้รับความนิยมแปลข้ามภาษาไปมาอย่างแพร่หลาย อาทิ คู่ภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศส ระบบ AI ในปัจจุบันสามารถแปลภาษาเหล่านี้ออกมาในระดับที่ค่อนข้างดี แต่หากเป็นภาษาที่มีโครงสร้างต่างกัน หรือการแปลข้ามภาษาที่ไม่ได้เป็นภาษากระแสหลัก ระบบแปลของ AI จะยังไม่สามารถเทียบเท่าความสามารถของมนุษย์ได้ โดยเขายังได้ยกตัวอย่างหนังสือภาษาญี่ปุ่นของนักเขียนดัง ฮารูกิ มูราคามิ ที่เขาใช้ประกอบงานวิจัย ที่เมื่อนำต้นฉบับกับฉบับแปลภาษาอังกฤษโดยนักแปลและ AI มาเทียบกันแล้ว ยังเห็นความแตกต่างของการเลือกใช้คำที่ให้ความถูกต้องและอรรถรสอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้การฝึกฝนระบบ AI ให้สามารถแปลวรรณกรรมโดยคงสุนทรียภาพทางภาษาเอาไว้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โมฮิทก็มองว่าถ้าหาก AI สามารถทำได้ จะมีประโยชน์ต่อโลกวรรณกรรม ในการช่วยเให้คนจากประเทศต่าง ๆ สามารถเข้าถึงผลงานวรรณกรรมอันยอดเยี่ยมจากหลากหลายภาษาและวัฒนธรรมได้มากขึ้น เราอาจต้องรอดูกันว่าในระยะเวลา 2 ปี (ครบกำหนดประมาณปี 2024) แพลตฟอร์มแปลภาษานี้จะสำเร็จลุล่วงตามความตั้งใจของเขาหรือไม่ ถ้าหากโมฮิททำได้ เชื่อว่าวงการวรรณกรรมจะต้องมีเรื่องให้น่าตื่นเต้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
![AI-717-5.jpg](../../stocks/extra/007c62.jpg)
Greek Room เมื่อ AI จะถูกใช้เพื่อแปลคำสอนของพระเจ้า
หลายครั้งที่เราพูดถึง AI ก็มักเป็นการเปรียบเทียบว่าถูกสร้างมาเพื่อท้าทายพระเจ้า เนื่องด้วยความสามารถในการประมวลผลอันรวดเร็วชวนอัศจรรย์ของมัน ทำให้มนุษย์ผู้ใช้งานมัน ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ความเป็นพระเจ้าเข้าไปทีละน้อย
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข่าวการประกาศใช้ AI ช่วยแปลคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นภาษาหายากของสองนักวิจัยจาก University of Southern California นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งวงการศาสนา ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และเทคโนโลยีเลยทีเดียว
จริงอยู่ที่คัมภีร์ไบเบิ้ลเคยถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั้งตะวันตกและตะวันออก แต่ตามข้อมูลจาก Wycliffe Global Alliance องค์กรที่มีเป้าหมายในการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาต่าง ๆ พบว่าที่จริงแล้ว คัมภีร์ไบเบิ้ลที่ถูกแปลแบบสมบูรณ์นั้นมีเพียงแค่ 724 ภาษา จากทั้งหมด 7,388 ภาษาทั่วโลก ยังมีคนอีกกว่า 20% บนโลกใบนี้ที่ไม่สามารถเข้าถึงพระคัมภีร์ฉบับเต็มในภาษาของตัวเอง
เครื่องมือการแปลที่ใช้ AI ช่วยประมวลผลจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของโครงการนี้ โดยมันถูกเรียกว่า Greek Room ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักแปลในการแปลข้อความเบื้องต้นที่ไม่ต้องการการตีความมากนัก อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนให้เข้ากับวิถีชีวิตของเจ้าของภาษานั้นยังต้องอาศัยมนุษย์เข้ามาเป็นผู้ตัดสินใจอยู่ เช่น คนในบางพื้นที่ที่อาศัยอยู่ในบ้านแบบไม่มีประตู นักแปลที่เป็นมนุษย์จำเป็นต้องปรับคำสอนในบทที่พูดถึงประตูให้กลายเป็นบริบทที่เหมาะสมและเข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งทางทีมนักวิจัยเองก็หวังว่าภายใต้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ AI ภารกิจการแปลคัมภีร์ไบเบิ้ลให้ครบสมบูรณ์ทุกภาษาจะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้านี้
![AI-717-3.jpg](../../stocks/extra/007c60.jpg)
บทสรุป
อาจสรุปได้ว่า AI กำลังเข้ามามีบทบาทในวงการหนังสือแปลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีความพยายามจากหลากหลายภาคส่วนในการพัฒนา AI เพื่อใช้ประโยชน์ในการย่นระยะเวลาทำงาน และผลิตงานแปลจำนวนมากด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมองในแง่การรักษาสุนทรียภาพทางภาษา AI อาจจะยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งสำหรับนักแปลหนังสือแล้ว การเข้ามามีบทบาทของ AI อาจเป็นโอกาสมากกว่าวิกฤต เพราะ AI สามารถช่วยแปลเพื่อจับใจความในขั้นต้นและตรวจสอบความถูกต้องในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่ได้ต้องการความลุ่มลึกนัก ทำให้มนุษย์สามารถทำงานได้เร็วขึ้น สะดวกมากขึ้น และมีข้อผิดพลาดยิบย่อยน้อยลง
ที่มา: ewdn.com↗, azorobotics.com↗, deseret.com↗ และ cbn.com↗